“ลุยโลด…มะริด” : ท่องมะริด-ยามราตรี / ถนนธรรมะสายสีชมพู

“ลุยโลด…มะริด” (3)

ท่องมะริด-ยามราตรี

ช่วงบ่าย มะริดไม่ร้อน ฟ้าหลัวแดดหลบ เดินสบาย ผ่านร้านอาหารข้างโรงแรม คนแน่นตลอด ต้องอร่อยแน่-ฝากไว้ก่อน ตอนนี้ยังไม่หิว

เป้าหมาย Old Catholic Church กะ Buu Pagoda ดูจากแผนที่อยู่ละแวกเดียวกัน แถวถนนเลียบอ่าวตะนาวศรี (Strand Road) ท่าเรือที่เราเช่าเรือข้ามไปเกาะแฝดนั่นเอง

ไม่ไกล ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องมอเตอร์ไซค์-เดินลูกเดียว

ระบบจราจรในมะริด ขับรถเลนขวา ข้ามถนนต้องมองซ้ายก่อน ถึงกลางถนนมองขวา

ร้านรวงสองข้างทางเป็นห้องแถวคูหาเล็กๆ เหมือนห้องแถวปากน้ำเลย ที่สะดุดตา-ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกหรูติดแอร์ Hair Do สีดำเก๋โดดเด่น-ผ่าน สระผมแล้ว

สะดุดอีก-ป้ายวินรถตู้โดยสารวางหน้าฟุตปาธ

“ถ้าใช่วินรถตู้ไปมูด่อง เราจองล่วงหน้าไว้เลย” เร่เข้าไป ชี้ป้าย

“ไปมูด่อง” รู้เรื่องคำเดียว “มูด่อง” คนในร้านรัวภาษาพม่าชี้นิ้วห้องถัดไป

ห้องเล็กๆ คูหาเดียวสะอาดสะอ้าน หญิงสาวนั่งประจำโต๊ะเงยหน้า มองอย่างประหลาดใจ รอบห้องไม่มีอะไรบอกว่าที่นี่บริการรถตู้โดยสาร เราชี้ป้ายรถตู้วางที่ข้างประตู ส่งภาษาพม่า “มูด่องๆ”

หญิงสาวลุกจากโต๊ะ เดินมาชี้มือไปห้องข้างๆ ติดกัน ปรากฏว่าประตูปิด

ร้านของเธอเป็นร้านหมอ-ไม่ใช่วินรถตู้โดยสาร-ขออภัยค่ะ”

“STrand Rd” เลียบเลาะอ่าวตะนาวศรียามเย็นน่าเดินเล่น เดินจริง ลมพัดแรงโชยกลิ่นทุเรียนที่กองขายข้างทางฟุ้ง มีขนุนนิดหน่อย เงาะบ้าง มังคุดบ้าง

น้ำขึ้นเต็มฝั่งคงสวย น้ำลดหาดโคลนทอดยาว ปลาตีนผลุบๆ โผล่ๆ ทั่วไปหมด อ่าวน้ำลึก เรือสินค้า เรือประมงขนาดใหญ่ทอดสมอเรียงราย มองขวาวิวอ่าว-มองซ้ายวิวอาคารริมถนนเลียบอ่าว ตึกฝรั่งอั้งม้อโอ่อ่า เรือนไม้ทรงมะริดโบราณคงสภาพเดิม ทาสีสันสดใส สลับกับโกดังขนาดใหญ่ทาสีเขียวสีแดง ติดหมายเลขทะเบียนอนุรักษ์ แบบเดียวกับถนนอนุรักษ์บ้านเก่าในเอียร์คุตส์ ไซบีเรีย

เจออนุสาวรีย์ชนชั้นกรรมาชีพจงรวมกันเข้า-กรรมกรถือค้อน ชาวนาถือรวงข้าว ปัญญาชนชูกระดาษ นักรบประชาชนชูธงพม่าปลิวไสวอยู่หน้าอาคารสีเหลือง

สำนักงานอะไร ป้ายอาคารเป็นภาษาพม่า-อ่านไม่ออก

Old Catholic Church ตั้งอยู่ตรงหัวมุมสามแยกถนน Boyoke Rd เป็นเนินเขาชัน ขึ้นบันไดไปเจอโบสถ์เลย

ชื่อก็บอกอยู่แล้ว “โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่” เป็นโบสถ์เล็กๆ สำหรับคริสต์ศาสนิกชน ด้านในเป็นตึกใหม่ หอพักนักเรียนเรียนประจำ พวกเขาเตรียมสวดมนต์เย็น ไม่ควรเดินเพ่นพ่าน ทักทายเด็กๆ พูดภาษาอังกฤษได้ จึงรู้ว่านอนที่นี่ ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนอีกแห่งหนึ่ง

จากโบสถ์-เดินเลาะถนนไม่กี่สิบก้าวก็เจอบันไดคอนกรีตทาสีเหลืองสูงชัน ทางขึ้นเจดีย์ Buu Pagoda สีทองอร่ามราวกับทองคำ ยอดเจดีย์สูง เคียงกับยอดโบสถ์ Old Catholic Church ที่อยู่เชิงเขา

“โบสถ์กะเจดีย์อยู่ด้วยกันได้ แสดงว่ามะริดไม่คับแคบ” แดงสรุป

เจดีย์สีทองตั้งอยู่บนยอดเขาแคบๆ ข้างทางลงไปลานเจดีย์ ผ่านรูปปั้นพระอุปคุตองค์ใหญ่ ปางจกบาตร หยุดตะวัน แหงนหน้ามองขวา หยุดพระอาทิตย์เพื่อฉันข้าว ท่านคงฉันอิ่มแล้วละ เพราะดวงอาทิตย์เหนืออ่าวตะนาวศรีใกล้จะลับฟ้า

สองเรากราบลาพระอุปคุต จะไปกินข้าวบ้าง หิวเล็กๆ เจ้าค่ะ

ทางเท้าถนนเลียบอ่าวแปรสภาพเป็นตลาดกลางคืน (Night Market) ร้านอาหารเคลื่อนที่ ร้านขายเสื้อผ้าทยอยปักหลัก กางเต็นท์ ละอองฝนปรอยๆ ไปหาอะไรใส่ท้องแถวโรงแรมดีกว่า เผื่อฝนตก เดินเข้าตรอกซอกซอยเล็กซอยน้อย

เจอร้านอาหารข้างทาง คนล้อมเต็ม ชะโงกเข้าไปดูบ้าง กำลังผัดเส้นในกระทะไฟแดงลุกโซน

อาหารริมทางจานนี้คือ kite kie kat ออกเสียงว่าแคตจีกัต ตามที่สาวมะริดสอน

รสชาติเดียวกับผัดไทย แบบไม่ทรงเครื่อง แค่เส้นผัดกับปลาหมึกตัวจิ๋วๆ ปรุงรสจัดถูกปาก

แต่ไม่มีผักเลย ซีดเชียวมาก ต้องลุกไปขอถั่วงอกสด ผักกาดหอมมาโรยหน้า

อืม…สวยงามและอร่อย เส้นนุ่ม ปลาหมึกสด ไม่ต้องต่อยไข่-ใส่กุ้งแห้ง กุ้งแม่น้ำ กุ้งทะเล

จ่ายเงินคนละสองร้อยจ๊าตมั้ง เป็นเงินไทยก็คนละ 25 บาท บริการน้ำชาร้อนๆ หอมๆ ใส่ถ้วยดีบุก-ฟรีด้วย

ท่องราตรี-สิ้นสุดลงเมื่อถึงโรงแรม สัญญาณ WI-FI ติ๊ง…ติ๊ง ติ๊งๆๆ ทักทายมือถือ

เข้าห้องพัก แอพพ์สุขภาพของแดงรายงานผลงานวันนี้

“เราเดินตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ หมื่นเก้าพันกว่าก้าวค่ะ เกือบสองหมื่นเชียวนะ-พี่”

โอว…เยี่ยมมาก!-ประพิมพรรณ

ถนนธรรมะสายสีชมพู

วันสุดท้ายแล้วค่ะ ทำเวลาหน่อย

ลุย Attractive Places ให้มากที่สุด

อันดับแรก-ถนนสวยสายวัด มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในอาราม เรียงเป็นแถวยาวเป็นกิโล

ชื่อถนนพญาก่าย (Pha Yar Gyi Rd.) ซิ่งมอเตอร์ไซค์เลย-จากนั้นลงเดินสำรวจ

อารามสร้างใหม่ แบ่งเป็นคูหาเดี่ยวๆ หลังคาสไตล์พม่าซ้อนเป็นชั้น สวยแปลกตาแบบไม่ซ้ำกันเลย

บางห้องประดิษฐานพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ บางห้องเป็นรูปปั้นพระภิกษุองค์เดียว บางห้องหลายองค์เรียงกันในอิริยาบถต่างๆ

ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ พลางมองหาห้องบำบัดน้ำเกิน เจอทางเดินระหว่างคูหา ชะโงกดู

เป็นสำนักชี-ชีสีชมพู-ยิ้มต้อนรับ สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง จะขอเข้าห้องน้ำทำไงดี

ต้องสาธิตท่านั่งส้วม แม่ชีเข้าใจ

ชี้มือไปด้านหลัง-เรียบร้อย

เข้ามานั่งพักก่อน-แม่ชีผายมือเชิญเข้าไปในเรือนไม้สองชั้น ชั้นบน-เจ้าสำนักชีสูงวัยกำลังสอนเด็กๆ อ่านออกเสียงดังพร้อมเพรียง

พอสองเราโผล่หน้า ทุกคนหยุด หันมาจ้องเป็นตาเดียว เด็กๆ เข้ารุมล้อม

พูดกันคนละภาษา รู้เรื่องค่ะ แบบว่ามาพักที่นี่ซิ-กินข้าวด้วยกันทำนองนี้

เสียดาย ถ้าไม่ติดรถตู้มารับที่โรงแรมพรุ่งนี้เช้าจะเช็กเอาต์ ย้ายมานอนกับแม่ชีสักคืน เพื่อประสบการณ์

แม่ชีมองหน้าชุ่มเหงื่อของฉัน บอกให้ไปอาบน้ำอาบท่าก่อน

“โอ…แม่เจ้า” รีบปาดเหงื่อ กราบลาละเจ้าค่ะ ไม่ลืมทำบุญใส่ซองถวายเจ้าสำนัก

ท่านเรียกเรามานั่งใกล้ๆ แล้วสวดมนต์ให้พร-อิ่มบุญ

ออกจากถนนสายธรรมสำนักชี-สำนักสงฆ์พญาก่าย ตัดโปรแกรมดูสวนนกทิ้ง

มันไม่ใช่สวนนกนานาชนิด เป็นโกดังนกนางแอ่น รังน้ำลายของมันคือยาอายุวัฒนะ-ไม่ชอบ

เดินต่อไปเรื่อยๆ มาโผล่ถนนก้านน่าหล่าน เจอตลาดเซกเง่ (Sate Ngy Market) ตลาดใหญ่หน้าอ่าว ข้างหอนาฬิกาเมือง

แวะช้อป แวะชมกันหน่อย-เซกเง่เป็นตลาดประจำเมืองมะริด

ตลาดไม่แบ่งโซน ร้านขายทองขายเพชรอยู่ติดกับร้านเครื่องสำอาง ต่อด้วยร้านขายไม้กวาดกะละมัง กระป๋อง หยุดดูร้านเสื้อผ้า ดูย่าม ดูหมวก เสื้อผ้าราคาค่อนข้างแพง แต่หมวกถูก ฉันเจอหมวกเท่ถูกใจใบละ 50 บาท สวมหัวพอดิบพอดีเลย ไม่ต้องถือรุงรัง

แดงเดินดูเพชรพลอย อยากได้ไข่มุก ดูไปดูมา ได้ไม้กวาดมะริดมา 3 อัน อันละ 20 บาท ต่อได้ 3 อัน 50 บาท หอบไม้กวาดเดินลิ่วออกจากตลาด ฉันได้ทานาคา (Thanaka) ครีมพม่าหน้าผ่อง กระปุกละ 60 บาท ยัดกระปุกใส่กระเป๋า เดินอ้าวตามแดง

แดงหิวโค้ก ฉันหิวกาแฟ เส้นทางสายนี้คุ้นเคยเดินไปอีกนิดก็ถึง Grand Jade Hotel โรงแรมหรูสุดของมะริด

ศูนย์การค้าข้างโรงแรมแอร์เย็นฉ่ำมีมุมกาแฟ กับมุมเก๋ไก๋ให้ถ่ายรูปด้วย

ตู้เบเกอรี่สุดทึ่ง-มีทั้งเค้กช็อกโกแลต วานิลลาหน้าเนย ข้าวต้มมัด หนมเทียน หนมถ้วยให้เลือก

ฉันได้กาแฟ แดงได้โค้ก นั่งผึ่งแอร์สักพักมีแรงเดินต่อ หอบไม้กวาดไปไว้ที่โรงแรมก่อน นอนพักหลบแดดมะริด

บ่ายใกล้เย็น-ลุยต่อ