Amazing Cambodia มหัศจรรย์ กัมพูชา 4.0 (Part2)

Amazing Cambodia มหัศจรรย์ กัมพูชา 4.0 (ภาค2)

อ่าน Part 1

ตื่นเข้าขึ้นมาก็ไปรับศรีภรรยาที่สนามบิน Seam Reap International Airport

สะดวกสบายทีเดียว แต่เขาไม่ให้คนมารับเข้าไปในตัวอาคารสนามบิน ให้รอข้างนอก

เมื่อพบกันแล้วก็แวะกินอาหารไทย ที่ร้านอาหารไทย The Pizza Company…ก็มันรู้สึกว่าเป็นอาหารไทยอยู่นะ ต้องลองไปกิน The Pizza ที่ต่างประเทศดู จะเข้าใจความรู้สึก

จากนั้นจึงตัดสินใจไปพิพิธภัณฑ์กับระเบิด ซึ่งใครๆ ก็คงจะทราบดีว่ากัมพูชามีชื่อเสียงด้านกับระเบิดอยู่มาก

พิพิธภัณฑ์ชื่อ Cambodia Landmine Museum ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบประมาณ 28 ก.ม.

ตอนทำการบ้านมา ก็ทราบได้ว่า จนถึงปัจจุบันก็ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโดนกับระเบิดที่เป็นผลพวงจากสงครามนี้อยู่…

และด้วยเหตนี้ ทั้งผม ภรรยา และสองสูบเรียงเสียงเพราะ เมื่อเข้าถึงกัมพูชา เราก็ไม่คิดจะสร้างเส้นทางใหม่ๆ ของตัวเอง

เน้นเดินตามเส้นทางที่คนอื่นสร้างไว้แล้วเท่านั้น

หลังจากได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในปี 1953 กัมพูชาก็มีเวลาสร้างความก้าวหน้าอยู่เพียง 17 ปี จึงเกิดปัญหาการเมืองภายในประเทศขึ้น และยังได้รับผลกระทบมากจากสงครามเวียดนาม

แต่หนักที่สุดก็คือในวันปีใหม่ของปี 1975 ที่กลุ่มเขมรแดงเข้ายึดกรุงพนมเปญ และ Set Zero กัมพูชา…

ซึ่งก็เป็นการ Set Zero จริงๆ…และกับระเบิดจำนวนมหาศาลก็เป็นผลพวงที่มากับเหตุการณ์เหล่านี้

การขี่มอเตอร์ไซค์ก็ขี่ไปบนถนนลาดยางเล็กๆ พอขี่ได้แบบไม่ต้องมีทักษะออฟโรดอะไร ค่อยๆ ขี่ไป มองดูผู้คน มองดูสภาพแวดล้อม ก็ให้ความรู้สึกแปลกตา แปลกใจดี

และแน่นอน เราก็โดน Honda Dream ของเจ้าถิ่นแซงไปหลายคันทีเดียว

ก็ด้วยว่าต้องขี่อย่างระมัดระวังไว้ก่อน และต้องชิดขวาอีกต่างหาก

ซึ่งมันจะงงมากตอนเลี้ยวซ้าย ว่าจะไปเข้าช่องไหน ซึ่งจะตรงข้ามกับบ้านเราทั้งหมด…

ของเขาเลี้ยวขวาผ่านตลอด ของเราเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด

พิพิธภัณฑ์ได้รับการก่อตั้งขึ้นโดยผู้ที่ (มีความจำเป็นต้อง) หากินกับระเบิด เพราะความยากจน ก็เลยต้องกู้ระเบิด และเอาเหล็กของมันมาขาย เป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือคนด้วย แต่มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก

และเมื่อรัฐบาลประกาศว่า การกู้ระเบิดแบบนี้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย เขาก็เลยต้องเลิก และมาทำพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ความรู้ และเป็นที่ปรึกษา

รวมไปถึงช่วยดูแลคนที่พิการจากกับระเบิดทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นเด็กอยู่จำนวนมาก ให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ

ในพิพิธภัณฑ์ก็มีระเบิดจำนวนมหาศาลที่ผ่านการเก็บกู้ถอดชนวนแล้ว ซึ่งมันมีเยอะมากจริงๆ และก็คงจะเป็นสิ่งนี้เองที่เราพบว่ามันเป็นอันตรายที่สุดในทริปนี้ของกัมพูชา…กับระเบิด ผลพวงของสงครามและความขัดแย้ง

จากนั้นจึงไปดูตนเลสาบ ซึ่งก็คือทะเลสาบ และด้วยทะเลสาบอันนี้ ส่งผลให้กัมพูชามีน้ำใช้ในการเกษตรในพื้นที่จำนวนมาก โดยไม่ต้องมีเขื่อน เป็นความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้กัมพูชา

กว๊านพะเยาของเราใหญ่ประมาณ 20.53 ตร.ก.ม. (ข้อมูลจากเว็บไซต์กรมประมง), บึงบอระเพ็ด 212 ตร.ก.ม. (Vcharkarn.com)

แต่ขนาดของตนเลสาบนี้ใหญ่ถึง 2,700 ตร.ก.ม. ในหน้าแล้ง ที่ระดับความลึก 5-6 เมตร และขยายไปถึง 16,000 ตร.ก.ม. ที่ระดับความลึกมากกว่า 10 เมตรในหน้าฝน

เมื่อมองดูว่าขนาดของประเทศกัมพูชามีขนาดใกล้เคียงกันกับภาคอีสานของประเทศไทย (กัมพูชา 181,035 ตร.ก.ม., ภาคอีสาน 168,854 ตร.ก.ม.) แต่มีทะเลสาบขนาดยักษ์อยู่กลางประเทศ นั่นก็เป็นผลให้ผลิตผลทางการเกษตรของกัมพูชามีโอกาสในการพัฒนาอีกมหาศาล

แต่ความมหัศจรรย์ของตนเลสาบอยู่ที่เมื่อแม่น้ำโขงมีน้ำมาก น้ำก็จะไหลขึ้นมาเก็บไว้ในตนเลสาบ และเมื่อถึงฤดูแล้ง น้ำในแม่น้ำโขงลดน้อยลง น้ำก็จะเปลี่ยนทาง ไหลจากตนเลสาบย้อนกลับลงไปหาแม่น้ำโขง ธรรมชาติลงมือสร้างความมหัศจรรย์นี้ด้วยตนเองทีเดียว

เส้นทางไปสู่ตนเลสาบก็เป็นถนนลาดยาง เมื่อใกล้ถึงก็เป็นถนนลาดยางที่เละๆ หน่อย ต้องขี่เหมือนขี่หลบหลุมระเบิด แต่ก็พอจะขี่ไปได้

และก็อย่างเช่นเคย Honda Dream ของเจ้าถิ่นก็แซงเราไปแบบไม่มีเยื่อใย

เมื่อเดินทางไปถึงก็พบว่ามันใหญ่มากๆ จริงๆ และก็เพราะมองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา เราเลยไม่รู้สึกว่ามันเป็นทะเลสาบน้ำจืด

แต่รู้สึกว่ามันเป็นทะเลมากกว่า

ตลอดวันนี้สังเกตว่าธุรกิจคุ้นตาจากต่างประเทศก็มาเช่นกัน ทั้ง Raffles, Le-Meridien และ Sofitel ทั้งหมดเปิดดำเนินการมานานแล้ว

ส่วน IBIS ก็อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดในปีนี้

ร้านอาหารต่างๆ ตกแต่งได้สวย มีร้านกาแฟ life style ให้เลือกมากมาย

และที่สำคัญ วันนี้ทั้งวัน ไม่มีเหตุการณ์อะไรใดๆ ให้รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเลย

อันที่จริงตรงข้ามด้วยซ้ำ เรารู้สึกว่าเมืองนี้สนุกสนาน และผู้คนก็เป็นกันเองมาก

จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทางสนามบินเสียมเรียบ ปี 2016 อยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านคน (tourismcambodia.org) มิน่าเล่าเมืองนี้จึงมีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย มีร้านอาหารครบครัน ระบบขนส่งสาธารณะที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนขนาดนี้ได้ หนีไม่พ้น…มอเตอร์ไซค์

จะไปไหนมาไหนก็สะดวกโยธินด้วยมอเตอร์ไซค์ ทำหน้าที่เหมือน Taxi ในกรุงเทพฯ และเหมือนสี่ล้อแดงในเชียงใหม่ เห็นที่ไหนก็เรียกได้ และมีจอดอยู่หน้าโรงแรมแทบจะตลอดเวลา และยังสามารถเป็นทัวร์พาไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ตามแต่ใจจะปรารถนา

โดยการเอาไปต่อเติมให้มีประสิทธิภาพในการรับ-ส่งคน ในประเทศไทยก็เอามาต่อข้าง (ดูภาพประกอบ) ส่วนของกัมพูชาเอามาพ่วงหลัง (ดูภาพประกอบ) ดูแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่า เครื่องยนต์แค่ร้อยกว่าซีซี จะใช้ในการขนส่งผู้คนได้ถึง 6-8 คน และเมื่อลองนั่งดู ก็พบว่านั่งสบายกว่าของไทยที่เอามาพ่วงข้าง

เหนือไปกว่านั้น…ใช้ App เรียกได้อีกต่างหาก…กัมพูชา 4.0 จริงๆ