ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 กุมภาพันธ์ 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย
0 ชัยชนะที่ไม่ชนะ (1)
เมื่อคืนสวดมนต์แล้ว
นึกถึงบ้านเมืองที่แตกแยกวุ่นวาย
ทำให้นึกถึงทางแก้ไขได้ จากบทเรียน “ลิลิตพระลอ” ที่ผมอ่านสมัยชั้นประถม และปัจจุบันก็ยังอ่านอยู่
ทั้ง 2 เมือง แก้ปัญหาโดยยึดหลักอโหสิกรรมหลังจากการเสียชีวิตของคน 7 คน
1) พระลอ 2) พระเพื่อน 3) พระแพง 4) นางรื่น 5) นางโรย 6) นายแก้ว 7) นายขวัญ
ทั้ง 2 ฝ่ายสูญเสียรวม 7 คน ถ้าเราจะทำบุญให้ก็ควรทำให้ครบ 7 วัน ร่วมกันอโหสิกรรมให้ทุกๆ ฝ่าย
เป็นการสร้างกุศล ที่เสียสละเพื่อให้เกิดความร่มเย็น แก่คนทั้ง 7 คน
การเอาชนะไม่มีวันชนะหรอกครับ
มีแต่การแพ้และสูญเสีย
ผมผ่านเหตุการณ์มาทุกอย่าง ไม่เคยเห็นการชนะที่แท้จริงเลย
ตะวันรอน
อ.ลอง จ.แพร่
2 เมืองที่ตะวันรอนว่า
คือ เมืองสรวงและเมืองสรอง
กว่าจะกลับมามีไมตรีต่อกันได้
ก็ต้องสูญเสียบุคคลทั้ง 7 อย่างน่าสลดใจ
ซึ่งอาจจะรวมถึง “พระเจ้าย่าเลี้ยงของพระเพื่อนพระแพง” ต้นตอแห่งความพยาบาทด้วย
บทเรียนของการมุ่งเอาชนะอย่างเดียว ที่ไม่ได้นำไปสู่ชัยชนะอย่างแท้จริงนั้น
ว่าที่จริง ถูกยกขึ้นมาเตือนใจหลายครั้ง
แต่เราก็ก้าวข้ามไม่ได้
รวมถึงความพยาบาททางการเมืองของไทยในปัจจุบันด้วย
0 ชัยชนะที่ไม่ชนะ (2)
ในโอกาสครบรอบหนึ่งปีของรัฐประหารกองทัพเมียนมา
โดยทำรัฐประหารช่วงเช้ามืดของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564
นับแต่นั้นมา กองทัพได้สังหารประชาชนกว่า 1,400 คน และจับกุมกว่า 11,000 คน
ปัจจุบันยังมีผู้ถูกควบคุมตัวอยู่อีกกว่า 8,000 คน
ตอนนี้ยังมีการเปิดฉากโจมตีทางอากาศอย่างไม่เลือกเป้าหมาย
ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตในภาคตะวันออกเฉียงใต้
มีการขัดขวางการเข้าถึงความช่วยเหลือ และยังคงปฏิบัติการนองเลือดเพื่อโจมตีนักกิจกรรมและผู้สื่อข่าว ซึ่งมีทั้งที่ถูกควบคุมตัวและสังหารระหว่างการควบคุมตัว
รัฐบาลหลายประเทศยังคงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพิกเฉยต่อการทารุณกรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
เหมือนกับครั้งที่เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงต่อชาวโรฮิงญา
ประชาชนชาวเมียนมาอยู่ในภาวะสิ้นหวัง
คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ จึงต้องหยุดประวิงเวลา ต้องประกาศใช้มาตรการห้ามซื้อขายอาวุธระดับโลก และใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อผู้นำกองทัพ
และจะต้องส่งกรณีของเมียนมาเข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วน
นอกจากนั้น บริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการค้ากับกองทัพ หรือหน่วยงานธุรกิจของกองทัพ ต้องถอนตัวออกมาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
เพื่อไม่ให้กองทัพมีรายได้ที่นำไปใช้ในปฏิบัติการเข่นฆ่าประชาชนต่อไป
ในภูมิภาคนี้ สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ต้องทำหน้าที่อย่างมีเอกภาพต่อกรณีเมียนมา และเรียกร้องให้กองทัพยุติการใช้ความรุนแรงกับพลเรือนโดยทันที
อาเซียนยังควรกดดันกองทัพให้ยุติการปิดกั้นการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และขยายเนื้อหาและดำเนินการตามฉันทามติห้าข้อที่มีกรอบเวลาชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมายังคงมีแต่ความล้มเหลว
ในปีใหม่นี้ ต้องมีการเปลี่ยนแนวทางเพื่อจัดการกับเมียนมา และต้องไม่เพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิและปฏิบัติการมิชอบที่เกิดขึ้นในเมียนมาอีกต่อไป
มิงยู ฮาห์
รองผู้อำนวยการ สำนักงานภูมิภาค
ฝ่ายรณรงค์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
1 ปีเหมือนรัฐบาลทหารเมียนมาชนะ
แต่ชนะจริงหรือ
เช่นกัน 7 ปีของการรัฐประหารไทย
ลุงๆ เขาได้ชัยชนะจริงหรือ?!?