จดหมาย : ฉบับประจำวันที่ 30 ก.ค. – 5 ส.ค. 2564

จดหมาย

 

อิงธรรม (1)

 

คติพจน์ของจีนบทหนึ่งกล่าวว่า

ความทรงจำที่ดีนั้น สู้หมึกเพียงหน้าหนึ่งไม่ได้

มนุษย์ควรถือเอาความเคารพซึ่งกันและกันเป็นเกณฑ์

จดมาจากไหนจำไม่ได้ค่ะ

ไม่ทราบที่มาที่ไป ขออภัย

พุทธ – เวรระงับด้วยการไม่จองเวร

คริสต์ – จงปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นที่เจ้าปรารถนาให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเจ้า

ขงจื้อ – ถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ สิ่งใดไม่พึงปรารถนา ก็อย่าได้เสนอสิ่งนั้นต่อผู้อื่น

ฮินดู – ศาสนาที่แท้จริง คือจะต้องรักมวลมนุษย์ รักสิ่งทั้งหลาย ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก

ด้วยความเคารพทุกท่าน

กวียิปซี

ณัช ศรีบุรีรักษ์

 

อิงธรรม (2)

 

พระองค์บอกไว้ว่า การปฏิบัติธรรม

ไม่ใช่การอ้อนวอนขอร้อง

ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติล้วนๆ

พระธรรม คือตัวแทนของพระองค์

พระองค์บอกว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

หัวใจ คือการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวัน

ผู้ปฏิบัติจะได้รับการคุ้มครองจากพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพ

นี้คืออานิสงส์ของการปฏิบัติธรรม

ด้วยความนับถือ

ร.ต.ท.นฐพล พิทักษ์

 

อิงธรรม (3)

 

ผมเห็นรัฐบาลพูดเรื่องรักสถาบัน

อะไรนิดอะไรหน่อยก็หาว่าเขาหมิ่นสถาบัน

ผมว่าควรจะร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเทิดทูนสถาบัน โดยมี 10 มาตรา

เอาศีล 5 เป็นหลักเพราะมีครบ

1) ความมั่นคงในชีวิต (ศีลข้อ 1)

2) ความมั่นคงในทรัพย์สิน (ศีลข้อ 2)

3) ความมั่นคงในครอบครัว (ศีลข้อ 3)

4) ความมั่นคงทางสังคม (ศีลข้อ 4)

5) ความมั่นคงในสุขภาพ (ศีลข้อ 5)

แล้วเพิ่มหลักการต่างๆ อีก 5 ประการ ก็ครบ 10 มาตรา

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมก็ออกเป็นกฎหมายลูก จะได้ไม่ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญบ่อยๆ

ท่านนายกฯ มักจะพูดว่า กฎหมายเป็นกฎหมาย แต่ที่ท่านทำมานั้น ท่านไม่เคยละเมิดกฎหมายเลยหรือ โปรดพิจารณา

คำว่า ชอบธรรม กับ ชอบทำ

ออกเสียงเหมือนกันแต่เขียนต่างกัน

ตะวันรอน

อ.ลอง จ.แพร่

 

อิงธรรม (4)

 

พุทธแต่ปาก

 

ไร้กระดูกสันหลังยังอวยเก่ง

หลงตัวเองรักชาติศาสนา

ผูกขาดง่ายฝ่ายเดียวเที่ยวตีตรา

ตามประสาชั้นต่ำทรามเหลือเกิน

 

ชี้หน้าใส่ไทยแท้แถทุกเรื่อง

วางท่าเขื่องเสียงลั่นคำสรรเสริญ

ทั้งที่รู้อยู่ว่าประชาเมิน

เห็นแก่เงินเขาแจกไม่แยกแยะ

 

เหล่านักเรียนนิสิตนักศึกษา

เอือมระอาพฤติกรรมอยากชำแหละ

ไม่เคยมีความคิดสักนิดแฮะ

ชอบกระแดะแทะเล็มไม่เต็มเต็ง

 

โหนฟ้าลงโรงเล่นเห็นจะจะ

เหากินหัวเป็นขยะกระโดดเหย็ง

อำเภอใจไปเรื่อยเปื่อยเส็งเคร็ง

สักวันเอ็งเงาหายไม่รู้ตัว

 

อุปโลกน์หมกช้างกลางเมืองหลวง

ส่งกลิ่นเน่าหนักหน่วงคาบ่วงชั่ว

ตายยกแก๊งแดงแจ๋แฉเนียนัว

เอาใบบัวปิดไว้ก็ไม่มิด

 

ยกตนว่า “ข้าไต่บันไดสูง”

ปลุกระดมชักจูงฝูงควายขวิด

ผูกริบบิ้นสามสีเร้าชีวิต

ไม่สำนึกเดินทางผิดเหมือนติดยา

 

และแล้วความเคลื่อนไหวได้ปรากฏ

ใจเลวร้ายทั้งหมดโหดเหี้ยมฆ่า

สร้างม็อบเพื่อชนม็อบครอบด้วยกะลา

อนิจจา “พุทธแต่ปาก” ฝากให้คิด!

 

ชูเกียรติ วรรณศูทร

ทัศนียาพร จงธนัชจิรโชติ

 

ณัช ศรีบุรีรักษ์ และ ร.ต.ท.นฐพล พิทักษ์

มาเข้ากับบรรยากาศวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา

เย็นๆ ฉ่ำๆ ด้วยสายฝนพรำใต้ชายคาศาสนสถาน

ตะวันรอน อ.ลอง จ.แพร่ แม้จะยังเดินตามแนวธรรม

แต่ก็พาออกห่างจากวัดสักนิด

โดยมุ่งไปสู่รัฐธรรมนูญ แม้จะเดินแนวทางศีล

อย่างไรก็ตาม ก็มีกระอายอุ่นการเมืองเพิ่มขึ้น

ชอบธรรม หรือ ชอบทำ เป็นคำถามแหลมคม

และมาจบที่การแทงเปรี้ยงเข้าขั้วหัวใจ ด้วยการตั้งข้อสังเกต “พุทธแต่ปาก”

ของชูเกียรติ วรรณศูทร และทัศนียาพร จงธนัชจิรโชติ

อ่านแล้ว ร้อนแน่นอน

ใครร้อน ทำไมถึงร้อน

ค่อยๆ พิจารณานะโยมม…