จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 5-11 กุมภาพันธ์ 2564

จดหมาย

0 สัตว์ (1)

คนกับควาย

ธรรมชาติเห็นใจชาวนาเพราะต้องไถนาเอง

จึงส่งควายให้มาเกิดเพื่อช่วยชาวนาไถนา

และหวังดีไม่ให้ควายทำงานหนัก

เลยบอกให้ควายไปบอกคนว่า ให้กินข้าว 3 วัน ต่อ 1 ครั้ง

แต่ควายมาสื่อ ความหมายผิด

บอกว่า ให้กินข้าว 3 เวลา ต่อ 1 วัน

ควายเลยต้องทำงานหนักขึ้น จาก 3 วัน ต่อ 1 มื้อ กลายเป็น 3 มื้อ ต่อ 1 วัน

เมื่อข้าวไม่พอกินก็เลยต้องฆ่าควายกินเนื้อควาย

เวลาเปรียบเทียบความโง่ จึงมักเปรียบเทียบว่า โง่เหมือนควาย

การตั้งโจทย์ หรือข้อมูลผิด ทำให้เกิดโทษต่อตัวเอง ดังเช่นควาย

แล้วปัจจุบัน ชาวนาเดือดร้อนเพราะใคร

ถ้าไม่ใช่คำว่า จำนำหรือประกันราคา

ตะวันรอน

อ.ลอง จ.แพร่

 

เป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง

ที่นำไปสู่คำพูด “โง่เหมือนควาย”

ซึ่งก็รับฟังไว้

แต่ภาพในอดีต

ที่เห็นควายขยันขันแข็งไถนาช่วยคน

ก็ทำให้สบตาแบ๋ว-แบ๋วของเจ้าทุย ไม่ค่อยเต็มตาเท่าไหร่

ควายโง่กว่าคน จริงๆ หรือ

 

0 สัตว์ (2)

เรียน บรรณาธิการคอลัมน์จดหมาย

ผมมีโอกาสมารัฐสภาบ่อยๆ

นั่งที่สโมสรรัฐสภา พบนักการเมือง ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน

บางคน (ส่วนใหญ่) มีพฤติกรรมคล้ายกัน

ดังที่ผมจะอธิบายในบทกวีดังนี้

 

สภาสัตว์หน้าเมือง

 

หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวเรื่องราวสัตว์

อันธพาลประจักษ์ชัดสัตว์หน้าขน

เห็นแก่ตัวประจักษ์ชัดสัตว์หน้าคน

มากเล่ห์กลประจักษ์ชัดสัตว์หน้าเมือง

 

สัตว์หน้าเมืองร่านตัณหาสภาสัตว์

สารพัดแข่งขันแข่งกันเฟื่อง

เพื่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูลพูนรุ่งเรือง

หมายวางเขื่องอวดศักดาบารมี

 

ตอนหาเสียงเยี่ยงอย่างทางนอบน้อม

ยกมือไหว้ยินยอมพร้อมเต็มที่

ได้รับเลือกตั้งแล้วแจวทันที

ลืมคำอ้าง โน่น นั่น นี่ ที่เอ่ยเอง

 

คือเสือร้ายลายกิ้งกือเล็บทื่อกุด

คือสิงห์คุดคำรามแปลกแยกเขี้ยวเบ่ง

คือกระทิงพันธุ์งั่งเขากางเคว้ง

คือแรดเก่งแต่ปากนอรากไม้

 

ต่างสมรู้ร่วมคิดจิตใจชั่ว

ต่างเมามัวค่อนสภาบ้ายกใหญ่

ต่างจัดสรรปันประโยชน์ลดเลี้ยวไป

ต่างประชาธิปไตยลากไส้กัน

 

จึงพุงป่องท้องปลิ้นลิ้นคล่องโปร่ง

ล้วนฉ้อโกงเข้มข้นก่นสมัน

สู่วงจรอุบาทว์อนาถครัน

ประชาชนถูกลงทัณฑ์ อันทารุณ

 

กับช่องว่างห่างชั้นทุกวันนี้

ควรหรือที่พวกเราเข้าเกื้อหนุน

เมื่อสังคมจมทุกข์ยุคกักตุน

มันเป็นทาสนายทุนเป็นหุ่นมาร

 

เกิดระบบขบระเบียบเสียบระบาด

ความมั่นคงของชาติขาดพื้นฐาน

เห็นตำตาตำใจในตำนาน

ตามกฎกรรมกรรมรังควานประจานเวร

สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ

ชูเกียรติ วรรณศูทร

 

เคารพมุมมองต่อนักการเมือง

ของสมบัติ ตั้งก่อเกียรติ และชูเกียรติ วรรณศูทร

เมื่อนักการเมืองอาสาประชาชนมาทำหน้าที่

ก็ควรสามารถรับคำวิจารณ์ ทั้งหนักและเบาได้

เพียงแต่ชี้ชวน คิดกันเล่นๆ

การที่เราเปล่งเสียงวิจารณ์ หรือด่าพวกเขาได้เต็มปาก

ส่วนหนึ่งเพราะเขาเป็นตัวแทนของเรา

เราเลือกเขามา

ซึ่งต่างจากพวกที่เข้ามาโดยวิธีอื่นที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย

เราสามารถด่าได้ขนาดไหน

ก็คงรู้กันเต็มอก อย่างน้อยก็ร่วม 10 ปี

นับแต่ 19 กันยายน 2549 ต่อเนื่องถึง 22 พฤษภาคม 2557

ในวันนี้ เรายังเห็นคน “วิพากษ์” ถูกเล่นงานกฎหมายกันไม่สร่างซา

และคงมีไปเรื่อยๆ

ตราบที่เรายังไม่มีประชาธิปไตยอันแท้จริง

และที่น่าเศร้าใจ ไม่ใช่ไทยแลนด์โอนลี่

ตอนนี้เรามีเมียนมา มาเป็นประเทศคู่เคียง

ที่ “ทหาร” แอ่นแอ้นออกมาปกครองประเทศอีกประเทศ

จะยาวนานเป็นทศวรรษอันสูญหาย อย่างเพื่อนบ้านหรือไม่

ทุย…จ๋า ช่วยบอกที