จดหมาย / ฉบับประจำวันที่ 4 – 10 ธ.ค. 2563

จดหมาย

ฝ้าฟาง (1)
ผมหมดค่าซอง-แสตมป์ เขียนถึง บ.ก.ไปแล้วหลายบาท
ก็ด้วยความมุ่งหมายหลัก
เพื่อสังคม แม้ไม่ใช่เรื่องปากท้อง แต่เป็นเรื่องของทหาร
แม้ผมจะเป็น ทอ.บำนาญ แต่ยังปักลึกและฝังแน่นอยู่กับระเบียบ วินัย ไปจนกว่าจะฌาปนกิจ
ผมร่วมสมัยกับ พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล
สมัยท่านเป็น ผบ.ทอ. ท่านมีคำสั่งให้ข้าราชการ ทอ. ทั้งทหาร คนงาน และลูกจ้าง ต้องสวมเสื้อชั้นใน ไม่ให้คอแลบโผล่เสื้อชั้นนอกออกมาให้เห็น ทุกชั้นยศ จึงเรียกกันติดปากว่า เสื้อชั้นในคอวี (V)
แต่ทำไมเสื้อชั้นในคอกลม จึงไม่มีใครเรียกเสื้อชั้นในคอโอ (O)
ถือโอกาสถามแกนนำ คสช.ที่ยังเหลืออยู่หนึ่งเดียว ที่สู้อุตส่าห์มีอัตราเบิก-จ่าย สำหรับ น.ชั้นประทวนและวางจำหน่ายตามกรม กอง
ส่วนบนศีรษะ (หัว) เป็นระเบียบปฏิบัติของทหารมานานแล้วว่า ห้ามไว้จอน ต้องเกรียน (ว.สั้นเกือบติดหนังหัว…พจนานุกรม 2525) ส่วนบนและหนวดไว้ได้แต่พองาม
แต่ตามรูปที่แนบ ดูผมจะสั้นเกินไปไหม
แล้วเสื้อในที่สวมไว้ไม่พับให้เสมอขอบชุดชั้นนอก
ปล่อยให้แลบ… ขนาดตาเป็นต้อหินอย่างผมยังเห็นชัด
แล้วจะให้เรียกว่าเสื้อชั้นในคออะไรดี
ขอแสดงความนับถือ
จากคนติเพื่อก่อ
เรืออากาศตรีฉลวย ราหุละ

ผบ.ทบ. ที่ว่าเป๊ะแล้ว
ยังไม่หลุดรอดสายตาคมกริบ
ของปู่อากาศ เรืออากาศตรีฉลวย ราหุละ ไปได้
ว่าแต่คุณปู่ไม่สังเกตอีกหน่อยหรือ
เพราะใครเขาก็ว่า ผบ.ทบ.ท่านเป็นทหารคอแดง
แต่เสื้อในที่แลบ…
เห็นคอแดงไหมคุณปู่ ช่วยสังเกตหน่อย
บ.ก.ที่ตาฝ้าฟางต้องหยอดยา ลดความดันตากันต้อหินเช่นกัน แลไม่ชัด (ฮา)

ฝ้าฟาง (2)
เรียนคอลัมน์ “จดหมาย”
ผมได้ข่าวและติดตามข่าวผู้มีชื่อเสียง เช่น ดารา นักแสดง นักพูด นักการเมือง ฯลฯ
เปิดรับบริจาคเงินเพื่อนำไปดูแลประชาชนด้อยโอกาส บางคนมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า เป็นแบบวัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง
จึงเขียนบทกวี “นักบุญ ทุนชาวบ้าน” ดังนี้

สัตว์สมมุติวุฒิภาวะราชสีห์
บารมีคับป่ามหาศาล
แท้คือฤทธิ์อิทธิพลอันธพาล
ตามสันดานนักล่าซาตานไทย

เป็นนักบุญทุนชาวบ้านร้านตลาด
สร้างภาพสีฉูดฉาดหนุ่มมาดใส
ทั้งสาวแก่แม่ยกปกน้ำใจ
เสียงแซ่ซ้องก้องไกลคล้ายขวัญเรียม

ฉวยโอกาสบอกบุญรับบริจาค
ด้วยลมปากลมเสน่ห์แฝงเล่ห์เหลี่ยม
ทับเงินทองกองถมโถมทัดเทียม
เหมือนนักพูดยอดเยี่ยมดังเปี่ยมฟ้า

เกณฑ์พวกด้อยปัญญาฝ่าแดดฝน
ร่วมชุมชนรับสินจ้างชวนกังขา
ต่างไชโยโห่ฮิ้วหิวอัปรา
แล้วตั้งวงดื่มสุราเฮฮากัน

สื่อความจริงสิ่งแวดล้อมทุกหย่อมหญ้า
ธรรมดาห้านรกหกสวรรค์
คนโง่เหยื่อศิลป์ศาสตร์ปัจจุบัน
ล้วนไม่รู้เท่าทันอยู่ชั้นเดิม

งมดักดานด้านได้อายก็อด
ทรยศเรื่อยไปไร้จุดเริ่ม
ยอมจำนนผลกรรมน้ำลายเยิ้ม
ดีกว่าเสริมส่งชีวิตจักอิดโรย

ประเทศชาติที่เห็นเช่นที่เล่า
มากมีเหล่าเลื้อยคลานพล่านโหลยโท่ย
พร้อมร้องแรกแหกกฐินดิ้นแดโดย
คลั่งโอดโอยขาดสติคิดตริตรอง

ใครตำหนิติต่างต่างอ้างโน่นนั่น
สารพันสารพัดจัดคำท่อง
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ลงคูคลอง
เหตุการณ์ฟ้อง ยังยิ้มสู้เป็นผู้ดี!
สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ
ชูเกียรติ วรรรณศูทร

ใครเป็นนักบุญทุนชาวบ้าน
ก็ลองทายกันดู…
อนึ่ง สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ มีจดหมายอีกฉบับ
ขอแก้ไขบทกวี “ซื้อเวลาพายเรือใหญ่ในอ่าง”
ซึ่งตีพิมพ์ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13-19 พฤศจิกายน 2563 ฉบับที่ 2100
ด้วยมีข้อผิดพลาดในขั้นนำเสนอของมติชนสุดสัปดาห์
อันอาจจะทำให้นึกว่าเป็นความผิดพลาดของสมบัติ ตั้งก่อเกียรติ ซึ่งมิใช่
เป็นความฝ้าฟางของ บ.ก. ดังนี้

บทที่ 3 วรรคที่ 3 ตรงคำว่า “ลง” แก้เป็น “ลม” ความว่า
ซื้อเวลาพายเรือใหญ่ในอ่างแก้ว
แค่คิดก็รู้แกวไร้แววหวัง
มันเป็นคำโกหกพกลมภวังค์
คนโง่ฟังคล้อยตามน่าหยามนัก

บทที่ 5 วรรคที่ 1 ตรงคำว่า “ด้วย” เป็น “ด้อย” ความว่า
ข้ออ่อนด้อยร้อยเนื้อร้องดังก้องฟ้า
ทรงคุณค่าหนึ่งทำนองพร้องเหตุผล
หลงคารมคมหอกหลอกด้วยมนต์
หนีไม่พ้นไดโนเสาร์เต่าล้านปี

บทที่ 6 วรรคที่ 1 ตกคำว่า “พาล” ความว่า
สังคมจึงถึงกาลพาลพิบัติ
สรรพสัตว์หมกมุ่นวุ่นศักดิ์ศรี
อิทธิพลบนว่าบารมี
อ้างสักขีขึ้นปกครองผ่อนตระกาล

บทที่ 9 วรรคที่ 2 ตรงคำว่า “เลย” แก้เป็น “เคย” ความว่า
ไม่มีใครฟังใครแล้วเพื่อนแก้วเอ๋ย
ต่างรู้ทันความคุ้นเคยเลยจุดหมาย
ยิ้มเหน็บมีดไว้ข้างหลังแยบคาย
พร้อมแทงลายแทงกันสนั่นเมือง!
โปรดทราบและขออภัยในความฝ้าฟาง