ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 พฤศจิกายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย
0 ปฏิวัติ (1)
ผมเป็นผู้ซื้อประจำมาหลายสิบปี
เพราะชอบอ่านความเห็นของผู้รู้หลายท่าน เช่น อ.นิธิ. อ.สุรชาติ
และพยามทำความเข้าใจกองทัพ ผ่านรายงานพิเศษ
ซึ่งมีโทนเสียงเข้าข้างทหารที่กุมอำนาจ แต่ก็ยังถือว่าไม่ล้ำเส้น
แต่คราวนี้ต้องขอแสดงความไม่พอใจอย่างตรงๆ
ต่อบทความหัวข้อ “การเมือง กองทัพ พันตูฯ” ในฉบับที่ 2099
เพราะมีลักษณะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อให้กับกองทัพ
ที่จะเข้ามาทำรัฐประหาร โดยใช้ข้ออ้าง (ที่เชื่อกันผิดๆ) ว่า ปกป้องสถาบัน
เมื่ออ่านจบทั้งบทความแล้ว มันเหมือนกระบอกเสียงของฝ่ายกองทัพ
ที่มองว่าหน้าที่ทหารคือ ปกป้องสถาบันด้วยการใช้กำลังกับผู้เสนอปฏิรูปสถาบัน
ถึงขั้นมีความชอบธรรมในการรัฐประหารซึ่งเป็นแนวคิดที่ตกยุคมากๆ
และจะทำให้นิตยสารของท่านสูญเสียฐานนักอ่านรุ่นใหม่ ซึ่งคือคนที่เขาลงถนนกันอยู่ทุกวัน
นับถือ
ป. พิบุลย์พหล
ต้องค้อมหัวรับฟังความคิดเห็น แฟนประจำ
ด้วยความขอบคุณ
และเอาใจใส่
เพราะจุดยืนของ ป. พิบุลย์พหล
มิได้แตกต่างจากจุดยืนของเรา
คือต่อต้านรัฐประหาร
แต่กระนั้น ก็คงต้องกลับมาครุ่นคิดไตร่ตรอง
และทบทวนการนำเสนอ
อย่างที่ ป. พิบุลย์พหล ยึดเป็นแนว (และเราก็พยายามเช่นนั้น)
คือ “ความพยามทำความเข้าใจกองทัพ”
โดยไม่ทำให้ถูกมองว่าเป็นกระบอกเสียงให้กองทัพ
0 ปฏิวัติ (2)
มิจฉาวาทการ (โฉด)
วาทกรรมผู้นำเผด็จการ
สร้างความร้าวรานให้ชาติฉันใด
ความต้องการแห่งผู้คนส่วนใหญ่
ก็โหมไหม้ “ใจเผด็จการ” ฉันนั้น
…โหมไหม้มิจฉาสติ
…โหมไหม้มิจฉาสมาธิ
…โหมไหม้มิจฉาทิฐิ
…ติติงมิจฉาสังกัปปะ…วายามะ
…ชำระสะสางมิจฉาชีพ-วาจา-จาร
“วิงวอน”…เหล่า “ทหาร (หาญ)” กลับสู่กรมกอง
สงกรานต์ บ้านป่าอักษร
จุดยืน
ที่วิงวอนให้ทหาร (หาญ) กลับกรมกอง
ของสงกรานต์ บ้านป่าอักษร
น่าจะชัดเจน
ที่จะไม่ถูกตั้งข้อสงสัย
ว่า เป็น “กระบอกเสียงของกองทัพ”
0 กรณีฉีดน้ำ
กรณีผู้อำนวยการโรงพยาบาลไล่แพทย์หญิงที่คิดต่างทางการเมืองออกจากงาน
ผู้เขียนเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัว
หากมีผู้บริหารแบบนี้อีกในโรงพยาบาลอื่นๆ ของประเทศ
คงจะต้องถามหาหลักจรรยาบรรณวิชาชีพอีกครั้งหนึ่ง
แพทย์ทุกคนทราบดีว่าพระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันเคยตรัสเรื่องจรรยาบรรณ
โดยหวังประโยชน์ต่อพสกนิกรสูงสุด
และให้แพทย์พึงสำนึกตัวเอง
ดังคำที่พูดว่า ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง แต่ประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์เป็นที่หนึ่ง
คุณธรรม 10 ประการ (จรรยาบรรณแพทย์)
ที่เป็นอาภรณ์ประดับกายใจของแพทย์ทุกคนในโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนต้องมี คือ
- มีเมตตาจิตแก่คนไข้ ไม่เลือกชั้นวรรณะ
- มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ยกตนข่มท่าน
- มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาป
- มีความละเอียดรอบคอบ สุขุม มีสติใคร่ครวญเหตุผล
- ไม่โลภเห็นแก่ลาภของผู้ป่วยแต่ฝ่ายเดียว
- ไม่โอ้อวดวิชาความรู้ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ
- ไม่เป็นคนเกียจคร้าน เผอเรอ มักง่าย
- ไม่ลุอำนาจแก่อคติ 4 คือ ความลำเอียงด้วยความรัก ความโกรธ ความกลัว ความหลง (โง่)
- ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งที่เป็นโลกธรรม 8 คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และความเสื่อม
- ไม่มีสันดานชอบความมัวเมาในหมู่อบายมุข
หากผู้บริหารโรงพยาบาล ยึดถือได้อย่างเคร่งครัด เหตุการณ์ที่จะไล่แพทย์หญิงออกจากงานคงจะไม่เกิดขึ้น
เพราะท่านจะรับฟังเหตุผลอย่างมีเมตตาจิต
ไม่ยกตนข่มท่านตามจรรยาบรรณข้อที่ 2
ท่านจะมีความสุขุม มีสติใคร่ครวญเหตุผลดังที่เขียนไว้ในข้อที่ 4
ไม่ลุแก่อำนาจ แก่อคติในข้อที่ 8
และจะไม่หวั่นไหวต่อสิ่งที่เป็นโลกธรรมซึ่งอาจจะนำมาซึ่งความเสื่อมได้อย่างที่ระบุไว้ในข้อที่ 9
การใช้อำนาจไล่ผู้เป็นแพทย์ด้วยกันออกจากงานอย่างง่ายดาย เพียงเพราะไปลงชื่อร่วมเห็นอกเห็นใจเยาวชนที่ถูก ตชด.ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีฉีดไปที่ฝูงชนโดยไม่มีความจำเป็น
ท่านจะตอบอย่างไร
ขณะที่คณะบุคลากรทางการแพทย์ ร่วมลงนาม 1,008 คน
ออกแถลงการณ์เรียกร้อง
ให้เปลี่ยนการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบของรัฐต่อผู้ชุมนุม เป็นการรับฟังอย่างสันติวิธี
ให้เจ้าหน้าที่รัฐและผู้บังคับบัญชายึดหลักสากลในการควบคุมฝูงชน
ให้โรงพยาบาลต้องเป็นสถานที่ปลอดภัย และเป็นกลางทางการเมือง
ให้การเข้าถึงการรักษาพยาบาลเป็นสิ่งพึงได้รับของพลเมือง
ให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องได้รับความคุ้มครองและอำนวยความสะดวกในการดูแลผู้ป่วยและผู้ประสบภัยทุกคนอย่างเสมอภาค
ให้การดูแลการชุมนุมต้องปฏิบัติตามหลักสากล
ให้มาตรการที่ใช้ควบคุมฝูงชนจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
สมศรี หาญอนันทสุข
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
ขออนุญาตปรับเนื้อหาให้สั้นลงเพื่อความพอดีกับพื้นที่
กรณีแพทย์หญิง แม้ซาไป
แต่กรณีฉีดน้ำ
กลับมาเป็นประเด็นอีก
ถึงจะมีการขอโทษจากตำรวจ
แต่ก็คงเป็นเรื่องคาใจ (อีกครั้ง)
ให้ถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไป