จดหมาย มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 ส.ค. 59

ฝัน

ผมอายุ 73 ปี

ได้เห็นปู่ทหาร (จอมพลสฤษดิ์, จอมพลถนอม, จอมพลประภาส) ปฏิวัติ

ได้เห็นลุงทหาร (พล.ร.อ.สงัด) ปฏิรูป

ได้เห็นพ่อทหาร (บิ๊กจ๊อด บิ๊กสุ บิ๊กเต้) ปฏิวัติ

ได้เห็นอาทหาร (บิ๊กบัง บิ๊กตู่) รัฐประหาร

ก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย

มาถึงวันนี้ ไม่รู้เป็นอะไร ใจมันอยากจะไปออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สะใจ

และเมื่อนอนหลับ

ผมฝันว่า เวลาสามทุ่มของวันที่ 7 สิงหาคม 2559 นั้น

ผมได้ยินเสียงฝูงชนตะโกนเสียงดังมากว่า

ออกไป ออกไป ออกไป

จนผมตกใจ สะดุ้งตื่น

และก็เริ่มเขียนจดหมายมาบอก บ.ก. นี่แหละครับ

นายธานินทร์ ผึ่งพิมาย

จะได้แค่เล่าสู่กันฟังเฉพาะ “ความฝัน” รึเปล่า ก็ไม่รู้ นะคุณลุงธานินทร์

เพราะ ในความเป็น “จริง”

เขาคนนั้น บอกไว้ตั้งแต่ไก่โห่แล้วมิใช่หรือ

ถึง ผลการลงประชามติ วันที่ 7 สิงหาคม จะออกมาเช่นไร

“ผมไม่ออก”

ติด

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเป็นการทั่วไปว่า นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ได้กระทำการอันเข้าข่ายความผิดทางศีลธรรมอย่างร้ายแรง

โดยการไปทำพิธีหมั้นแต่งงานเยาวชน (อายุ 16 ปี 10 เดือน) ซึ่งยังเรียนอยู่ชั้น ม.5

ในขณะที่ตนเองมีภรรยาอยู่แล้ว โดยภรรยาเป็นอาจารย์สอนอยู่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

การทุจริตในเบญจศีลดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นความผิดในทางวินัย และหรือความผิดทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง (ถ้าเป็นข้าราชการต้องไล่ออกสถานเดียว)

ขณะเดียวกัน ยังมีพฤติการณ์ข่มขืนใจนักข่าว และหน่วงเหนี่ยวกักขังนักข่าวอีกหลายสำนัก

ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 มาตรา 310 ประกอบมาตรา 84 อีกด้วย

เมื่อก่อเหตุความผิดหลายกรรม หลายวาระ แต่มิได้สำนึกถึงความผิดของตนเอง

ยังได้กระทำการอันท้าทายกฎหมายของบ้านเมืองและเลี่ยงบาลี ไปต่างๆ นานา

โดยการไปแจ้งความและร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ แก้เกี้ยวอีกมากมายนั้น

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเห็นว่า พฤติกรรมของ นพ.เปรมศักดิ์ ไม่อาจจะปล่อยให้กระทำการอันเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อระบบการเมืองท้องถิ่นของประเทศในยุคปฏิรูปได้อีกต่อไปแล้ว

จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปร้องเรียนต่อหัวหน้า คสช., นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

เพื่อขอให้ใช้อำนาจตาม รธน.ชั่วคราว มาตรา 44 เพื่อปลดหรือไล่ออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่โดยเร็วต่อไป

เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อสังคมไทยได้อีกต่อไป

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

จะมีท่าทีต่อ “หมอเปรม เว้าแปน” อย่างไร

ไม่ว่ากัน

แต่ในฐานะ “สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย”

ดูแปลก-แปลก อยู่

กับการเรียกร้องให้ใช้มาตรา 44 จัดการหมอเปรม

หรือ “ติดใจ” มาตรา 44 กันงอมแงม เสียแล้ว

ปล่อย หมอเปรม เรียกร้องไอดอล ให้ใช้ ม.44 กับสื่อ ตามประสา จะดีกว่า

คำ

คํา…เอ้ย

อีกแล้วนะคำ

วันก่อนอ่านเจอ แกเขียนในมติชนสุดสัปดาห์ (กรกฎาคม 2559) ตอนหนึ่งว่า…

“มีคนกลุ่มหนึ่งในสังคม ต้องการให้ ทักษิณ (ชินเวร) ออกจากสังคมไทย…”

เวรเอ้ย! นางคำ มโน เอาเองนะ

ใครเขาอยากให้เวรนี่ออกจากสังคมไทย

อยากให้กลับมาสู่สังคมที่มีกฎกติกาแบบนักกีฬา รู้ชนะ รู้แพ้

กลับมาเถอะ รับกรรม (ไม่ดี) ที่ก่อ

กรรมดี ก็ชม

ทำผิดก็รับผิด

“ระบบเกียรติศักดิ์ นรต.” อย่างแถกตะแบง

ไม่ยอมรับคำตัดสินของใครก็ตาม ที่ว่า “กูผิด”

(ถ้าอย่างนั้นก็เชิญไถลออกไปสู่สังคมเองเถอะ)

คำ…เอ้ย มีสติ ใจกลางๆ

วาง เรา-เขา ออก มองกลางๆ แล้วจะเห็นสันดานคน

ชอบใจ บอก เอา ดี

ไม่ถูกใจบอก ผิด ไม่ดี (ได้ เอา อย่าผูกขาดสัมปทานจากปฏิวัติ แต่ไม่ได้ บอกเผด็จการ)

มีสติหน่อย แต่ถ้าคิดว่า เศษเงินโกงเลี้ยงดี ก็ตามใจแกนะ แต่อย่าบิดเบือนเขียนแบบนี้อีก

ขอร้องว่ะ! เห็นแก่ชาติบ้านเมือง

จาก

ตำรวจเก่า

เห็นต่าง ทางความคิด ไม่ว่ากัน

จะเชือด เฉือน เลือดไหลซิบๆ ขนาดไหน ก็มีพื้นที่ให้

แต่ถึงขั้นกล่าวหา “เศษเงินโกงเลี้ยงดี”

นี่ก็ไกลไปหน่อยไหม ท่าน “ตำรวจเก่า”… เอ๊ย!

สังคมที่มีกฎกติกาแบบนักกีฬา รู้ชนะ รู้แพ้ (แบบจริง-จริง) นั้น ใครๆ ก็ชอบ

นี่ก็รอดูหลังวันที่ 7 สิงหาคม ว่าจะเป็นอย่างไร

ชนะก็ดีไป

ถ้าแพ้ ก็ขอให้ มีความสุขเหมือน เชียร์วอลเลย์สาวไทย อย่างที่ศิษย์ครูวีระ บุณยะกาญจนะ ว่า

อย่า งอแง