จดหมาย มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 ก.ค. 59

จีที 200

เรื่องเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT 200 / สารเสพติดที่หน่วยงานรัฐจัดซื้อโดยเฉพาะกองทัพบก

น่าจะจบลงแบบนุ่มนวล

เหมือนกรณีอุทยานราชภักดิ์

หากคดี GT 200 นี้มีผิดก็คงไม่ใช่ฐานทุจริต

เพียงรู้เท่าไม่ถึงการณ์กระมัง?

คดีนี้มาเป็นข่าวดังอีกครั้ง เมื่อศาลอังกฤษพิจารณาตัดสินจำคุกผู้ผลิต และสั่งจ่ายชดเชยเงินแก่ผู้เสียหาย

ผมได้ฟังรายการวิทยุคลื่นหนึ่ง พูดเรื่องนี้น่าสนใจ

ผู้ดำเนินรายการให้ข้อมูลว่ากองทัพบกจัดซื้อเครื่องนี้โดยวิธีพิเศษ

ไม่ต้องเปิดประมูล

สังคมรับรู้มาว่าการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ คือช่องทางเปิดให้มีการทุจริตได้ง่าย

ยากต่อการตรวจสอบ การจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ของหน่วยงานภาครัฐ จึงถูกมองไปในทางทุจริต

เราคงต้องตั้งต้นข้อสงสัย

เริ่มจากเจ้ากระทรวง นักการเมือง หรือตัวแทนกับบริษัทพ่อค้า ร่วมสมคบกันหรือเปล่า?

ผู้มีอำนาจหรือใครสั่งการให้หน่วยงาน (ที่ประสงค์ใช้) ตั้งงบประมาณขึ้นมา

บริษัทผู้ค้าก็วิ่งเข้าหากระทรวง นำเสนอสเป๊ก คุยกับหัวหน้าหน่วยงานที่รับผิดชอบ

ผมไม่รู้ว่ามีการอ้างชื่อผู้ใหญ่ หรือใคร ผู้มีอำนาจยุคนั้น เรื่องนี้ล็อบบี้กันเรียบร้อยแล้วครับ

เมื่อทุกอย่างราบรื่น งบประมาณประจำปีผ่าน การดำเนินการจัดซื้อเริ่มขึ้น เจ้าหน้าที่จัดซื้อจะต้อง (ชง) เรื่องให้หัวหน้าหน่วยงานเพื่อขออนุมัติการจัดซื้อเครื่อง GT 200 โดยวิธีพิเศษ

การจัดซื้อตามระเบียบราชการนั้น มีผู้เกี่ยวข้องหลักๆ อยู่ 2 คณะ คือ คณะกรรมการจัดซื้อ กับคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ

เมื่อเรื่องนี้ชงกันมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าหน่วยงานไหนจะเอายี่ห้อ GT 200 ดังนั้น คณะกรรมการจัดซื้อก็ทำเรื่องขออนุมัติทำสัญญากับผู้ขาย

ส่วนคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ บางท่านย่อมรู้ดีว่าเครื่อง GT 200 ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ทำไงได้ ในเมื่อทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่เซ็นรับงานก็คงอยู่ลำบาก

อนาคตราชการฝันถึง “นายพล” ก็ดับวูบ

เรื่องนี้ ใครคือผู้กำหนดที่จะเอา GT 200 ต่างหาก

ผู้อยู่เหนือขึ้นไปคือใคร ซึ่งสังคมคงแตะไม่ถึง

เรื่องนี้คงลงเอยด้วยคำว่า จบเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ผมเชื่อเช่นนี้กับสังคมไทยกับกระบวนการตรวจสอบผู้มีอำนาจและคนมีสี

พงษ์เทพ

อย่าเพิ่งไปสบประมาท ป.ป.ช. ถึงแม้การสอบสวนจะ “ยืด” และ “ยาว” แต่ก็รับปากแล้วว่าจะเสร็จในเดือนกันยายนนี้ รอดูผลสอบกันก่อนดีไหม “พงษ์เทพ” อาจผิดก็ได้นะ

บ.ก. ฝันกลางฤดูฝน รึเปล่าเนี่ย (ฮา)

จุดยืน

มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพเตือนผมด้วยความหวังดีว่า ผมมักพูดตีประยุทธ์ เลือกข้างทักษิณ ดูขาดความเป็นกลาง

เกรงผมจะได้รับผลร้าย

ผมจึงขออนุญาตแถลงให้กระจ่าง

จริงครับ ผมตีนโยบายของรัฐบาลประยุทธ์หลายเรื่อง

เช่น บ้านประชารัฐที่แก้ไม่ถูกจุด (http://bit.ly/299kZNj) การท่องเที่ยวที่สร้างภาพ (bit.ly/1XVVFwt) บ้านพักนายทหารที่แพงเกิน (4.25 ล้าน/หน่วย http://bit.ly/28SLzag) ถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาที่แสนสิ้นเปลือง (http://bit.ly/1VXvEO8) ฯลฯ

เพราะเป็นนโยบายที่ผิดพลาด จะสร้างความเสียหายต่อชาติ

แต่ผมไม่ได้สักแต่ค้าน ยังเสนอทางออกของปัญหาด้วยเสมอ

ในทางตรงกันข้าม ผมก็ยังค้านนโยบายของฝั่งเพื่อไทย เช่น

1. คัดค้านนโยบายบ้านเอื้ออาทรมาตั้งแต่ปี 2546 (http://bit.ly/29tOBTF) และคัดค้านมาตลอด

2. คัดค้านการให้ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์ (http://bit.ly/29ioEr5)

3. คัดค้านการทำ Thailand Plaza ที่ถนน Fifth Avenue นิวยอร์ก (http://bit.ly/29cOYoT)

4. คัดค้านนโยบายบ้านหลังแรกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (http://bit.ly/296jHjx)

5. คัดค้านการที่เพื่อไทยคัดค้านการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (http://bit.ly/1LkP2MR) ฯลฯ

ยิ่งกว่านั้นในระหว่างที่มีผู้โจมตีประยุทธ์เรื่องขายที่ดินแพงเกินจริง

ผมในฐานะผู้ประเมินค่าทรัพย์สินยังไปประเมินค่าที่ดินแปลงดังกล่าวว่าขายได้สอดคล้องกับมูลค่าตลาดแล้ว (http://bit.ly/1RQgJzj) โดยไม่มีใครจ้าง

จะสังเกตได้ว่าผมค้านเฉพาะเรื่องที่กระทบต่อผลประโยชน์ของประชาชน

ไม่ได้ค้านไปทุกเรื่อง

และแสดงความเห็นในฐานะนักวิชาการที่มีความรู้และกล้าแสดงออกโดยไม่กลัวภัย

เพราะผมไม่มีกองกำลัง

ไม่มีลับลมคมในกับฝ่ายใด

ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมือง

ไม่เคยไปร่วมชุมนุมกับฝ่ายใดทั้งก่อนและหลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

ผมประกาศชัดว่าผมไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร

ผมยึดหลักการนี้มาตั้งแต่เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ขณะนั้นประยุทธ์ยังเป็นแค่นายร้อย

ผมไม่ยินดีรับลาภยศจากการแต่งตั้งโดยรัฐบาลแบบนี้อย่างแน่นอน

แต่ผมก็ยินดีเสนอแนะแนวทางที่สมควรโดยไม่ต้องจ้าง ผู้มีอำนาจอย่าได้ฟังคำใส่ร้ายของพวก Mr.Yes ที่เสพติดลาภยศ

ท่านจะไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันกับคนพวกนี้ที่รังแต่จะนำความเสื่อมมาให้

คนมีใจเป็นธรรม คงเห็นนะครับว่าผมกล้าแสดงออกในฐานะนักวิชาการที่เป็นกลางจริงๆ

ความน่าเชื่อถือของผมเกิดจากการแสดงออกนี้ ไม่ใช่เกิดจากการเชลียร์เพื่อหวังลาภยศ

ดร.โสภณ พรโชคชัย

ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย

บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th)

แยกแยะพร้อมแสดงจุดยืนมาหนักแน่นดังภูผา เช่นนี้ ไม่มีอะไรจะเพิ่มเติม นอกจาก “อำนวยอวยชัย”…โชคดีครับ