จดหมาย / ฉบับประจำวันที่ 21-28 มิถุนายน 2562

จดหมาย

0 ไม่กระจ่าง (1)

 

เรียน บก.มติชนสุดสัปดาห์ ที่นับถือ

ดั่งได้สดับมา

ในยุคหนึ่ง ในอดีต

พุทธศาสนา ไม่นิยมรูปบูชา

มีเพียงแท่นบูชา

บนแท่นบูชาไม่มีอะไรเลย

ผู้คนเชื่อว่า ความว่างเปล่า คือจุดสูงสุดของพระพุทธศาสนา

ในปัจจุบัน บางคนปฏิบัติธรรมขั้นสูง

คือทำให้จิตว่าง

ตัวอย่างเช่น ท่านพุทธทาส

ผมเป็นคนหนึ่งที่ปฏิบัติตามหลักของท่านและก็เชื่ออย่างสนิทใจ

ว่า จุดสูงสุดของพระพุทธศาสนา

คือความว่างเปล่า

และก็เชื่อคำกล่าวที่ว่า

การให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวง

ร.ต.ท.นฐพล พิทักษ์

 

ธรรมที่ ร.ต.ท.นฐพล พิทักษ์ ยกมาแสดงนั้น

กระจ่าง

แต่ที่ไม่กระจ่าง ก็คือ ยกมาเตือนสติใครเป็นการเฉพาะหรือเปล่า

โดยเฉพาะพวกที่ไม่ค่อยชอบความว่างเปล่า

จะต้องมี “ตำแหน่ง เก้าอี้ สถานะ” รองรับเสมอ

โดยเฉพาะเมื่อได้ลงทุนอะไรไปแล้ว จำเป็นต้องมีสิ่งตอบแทน

เมื่อได้สิ่งตอบแทนไม่สมหวัง

ก็เลยปั่นป่วนอย่างที่เห็นในทำเนียบ-สภา ที่ผ่านมา

แต่การยก “ธรรม” มาให้คนเหล่านั้นฟัง

ไม่รู้จะได้ผลหรือไม่

เพราะ “กิเลสมนุษย์” (ฮา) หนาตึ๊บ เชียวละคู้ณ

 

0 ไม่กระจ่าง (2)

 

เรียนบรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์

การกล่าวหาว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเผด็จการ ไม่ดี

สู้ประชาธิปไตยไม่ได้

เขาให้คนออกมาพูดตอบโต้ทางทีวี

โดยเล่าประวัติศาสตร์ของชาติต่างๆ ในเอเชียที่ถูกประเทศมหาอำนาจ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา มาข่มเหงรังแก ยึดเอาประเทศเล็กๆ เป็นเมืองขึ้น

เป็นประชาธิปไตยที่ชั่วช้า เลวทรามมาก

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เป็นทาสของประเทศประชาธิปไตยที่เลวทรามเหล่านี้

นี่ก็เป็นการดิสเครดิต เตะตัดแข้งตัดขากันอีกวิธีหนึ่ง

แล้วแต่ใครจะมีสติปัญญา คิดค้นออกมา

ขอแสดงความนับถือ

โชคชัย ชำนะ

 

นั่งอ่านจดหมายอยู่หลายรอบ

ไม่กระจ่างนัก

คือ ถ้าไม่เชียร์ธนาธร ก็อาจตีความได้ว่า

ธนาธรเป็นทาสประเทศที่อ้างประชาธิปไตยแล้วมาข่มเหงคนอื่น

แล้ว/เลย “ดิสเครดิต” อีกฝ่ายว่าเป็นเผด็จการไม่ดี

ตรงกันข้าม ถ้าเชียร์ ก็อาจตีความ ธนาธรถูกดิสเครดิต

คือเพราะไปหาว่าฝ่ายหนึ่งเป็นเผด็จการไม่ดี

เลยถูกย้อนว่า ตนเองก็ใช่จะดี

เป็นทาสประเทศที่อ้างตัวป็นประชาธิปไตย แต่จริงๆ ชอบข่มเหงชาติอื่น

ไม่กระจ่างจริงๆ

ใครชอบแบบไหนก็ว่ากันตามสบาย

 

0 ไม่กระจ่าง (3)

 

เรียนบรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์

การเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.เกินครึ่ง จากที่เคยได้นิดหน่อย

ใครจะเบื่อด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่

สำหรับผมเบื่อในเรื่องที่ว่า พรรคนี้ชอบหากินกับหมู

คือเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ เลือกอภิปรายเฉพาะคนพูดไม่เก่ง

คนอื่นจะช่วยพูด ก็ไม่ให้ช่วย

เวลาเขาจะพูดเปิดโปงตัวเองบ้าง

ก็จะลุกขึ้นคอยขัดจังหวะ

ถ้าคนพูดเก่งท้าดีเบตก็บ่ายเบี่ยงว่าไม่ให้ราคา

พวกผมจึงเหมือนคนดูมวย

ที่ฝ่ายหนึ่งชกเก่ง อีกฝ่ายหนึ่งชกไม่เก่ง

แถมยังถูกมัดมือไว้อีกต่างหาก

มันเลยเกิดอาการเซ็ง อาการเบื่อหน่าย

อีกอย่างหนึ่งการที่พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนท่วมท้น

บางพรรคคิดว่าพรรคไทยรักษาชาติ ที่หมดสิทธิ์สมัคร ส.ส. เทคะแนนไปช่วย

สมมุติว่าให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เลือกตั้งใหม่ คราวนี้ไม่สูสีอีกเป็นแน่ ชนะกันขาดเลย

พรรคไหนจะชนะขาดดูไม่ยาก

ขอแสดงความนับถือ

ชัชวาลย์

 

พรรคไหนชนะ แม้ “ชัชวาลย์” ไม่บอก

แต่อ่านจดหมายแล้วก็ “กระจ่าง” ว่าชัยชนะจะอยู่ฝ่ายไหน

แต่ที่ไม่กระจ่าง (ฮา) ก็คือ

ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์เขายอมถูกด่า

พลิกตัวเองไปเป็น “ผู้ปฏิบัติ”

คือเป็นฝ่ายรัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายค้านแล้ว

จะหากินกับ “หมู” อีกไม่ได้

แถมเมื่อพลิกไปเป็นผู้ปฏิบัติ

พูดเก่ง กับ ทำเก่ง มันต่างกัน

ก็เลยไม่กระจ่างว่า ประชาธิปัตย์จะรุ่ง หรือโรย