ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 มกราคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
ตอนที่ “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับนี้วางตลาด
และท่านทั้งหลายเปิดอ่านมาถึงบัญชรนี้
คนเขียนก็อาจไปปร๋ออยู่ที่บึงกาฬ-จังหวัดบ่าซ้ายของประเทศไทยโน่นแล้ว
ไปร่วมงานวันยางพาราและกาชาดจังหวัดบึงกาฬ ที่ “เครือมติชน” ไปร่วมจัดกับเขามาทุกปีนั่นละครับ
จัดกันมาตั้งแต่บึงกาฬเริ่มตั้งจังหวัด
ตั้งแต่ราคายางยังต่ำเตี้ยติดดิน จนพุ่งทะลุฟ้าไปแล้ว และกลับมาฟุบอีกรอบ
แต่ตัวงานสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
ยิ่งจัดยิ่งใหญ่ขึ้นทุกปี
ใหญ่ทั้งในแง่จำนวนคนที่มาร่วม ทั้งในแง่กิจกรรม ทั้งในแง่ความรู้-นวัตกรรม
และใหญ่ที่สุดคือผลทางธุรกิจ-ปากท้องของพี่น้องบึงกาฬ
ครั้งที่เดินทางไปเปิดงานนี้เมื่อสองปีที่แล้ว
ท่านอาจารย์วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ประชารัฐ” น่ะไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล
ให้มาดูตัวอย่างจากบึงกาฬนี่แหละ
ประชารัฐของบึงกาฬนั้นเป็นประชา+รัฐ จริงๆ
คือชาวบ้านลุกขึ้นมาช่วยเหลือตัวเองก่อน แล้วได้รับการช่วยเหลือจากรัฐอีกแรง
พลิกให้จังหวัดเกิดใหม่ ไม่มีอะไรเลย กลายเป็นจังหวัดลำดับต้นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อันนี้ไม่ได้มโนนะครับ
จากรายงานสำรวจรายได้ทั่วประเทศของปี 2558 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
รายได้ครัวเรือนต่อเดือนของบึงกาฬที่อยู่อันดับเกือบโหล่เมื่อตั้งจังหวัดใหม่ๆ ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คือครอบครัวละ 23,767 บาท/เดือน
เป็นรองแค่นครราชสีมา (26,376 บาท/เดือน) และชัยภูมิ (23,830 บาท/เดือน)
เพิ่มขึ้นจากครอบครัวละ 20,207 บาท/ครอบครัว/เดือน เมื่อปี 2556
หรือประมาณ 15%
โตกว่าการเพิ่มของจีดีพีทั้งประเทศในช่วงเดียวกัน 4-5 เท่า
ทําไมถึงโตแบบก้าวกระโดด
อธิบายแบบมองด้วยตาเปล่า ก็ต้องบอกว่าเพราะบึงกาฬเป็นจังหวัดที่ปลูกยางพารามากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และกว่าร้อยละ 80 ของผู้ปลูกยาง เป็นเกษตรกรรายย่อย
ปลูกเอง กรีดเอง ราคายางเท่าไหร่ก็ได้รับเท่านั้นเต็มๆ
ไม่ต้องแบ่งใครเหมือนระบบจ้างกรีด
ปียางราคาแพงก็รวยมาก ปียางราคาตกก็เขียมหน่อย
เท่านั้นก็พอประคองตัวได้
แต่ถ้าอธิบายแบบ “คนนอก” ที่บังเอิญไปนั่งอยู่ติดขอบเวที เห็นความเจริญและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกปี
ก็ต้องบอกว่าที่โตแบบก้าวกระโดดขึ้นมาได้
เพราะคนบึงกาฬ “ไม่งอมืองอเท้า”
ไม่นั่งรอว่ารัฐจะต้องมาช่วยดลบันดาลโน่นนี่ให้เกิดขึ้น
จะมีกี่จังหวัด กี่พื้นที่ ที่คนพื้นถิ่นซึ่งปลูกยางพาราเป็นหลักมารวมตัวกันลงทุนเพื่อสร้างโรงงานแปรรูปน้ำยาง
ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำเอง
กี่จังหวัด กี่พื้นที่ ที่ปลูกยางแล้วรวมตัวกันบินไปขายถึงเมืองจีน
หาตลาด หาทุนเอง
ไม่นับถือน้ำใจ ไม่นับถือในความเพียรพยายามของท่านได้อย่างไร
ฉะนั้น ไม่ว่าราคายางจะขึ้นหรือลงผันผวนอย่างไร
งานยางพาราและกาชาดบึงกาฬก็ใหญ่ขึ้น สนุกขึ้นทุกปี
เป็นเวทีของการแสดงนวัตกรรมเกี่ยวกับยางพาราที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
เป็นพื้นที่พบปะ แลกเปลี่ยน จับคู่ทางธุรกิจยางพารามากขึ้นทุกปี
นอกจากสาระน่าสนใจแล้ว ยังส่วนที่มาประกบให้งานสนุกน่าเดินขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอบรมความรู้เรื่องยาง เรื่องการเกษตรและอาชีพอื่นๆ
ไปจนกระทั่งถึงงานบันเทิง
และที่พลาดไม่ได้เลยคราวนี้ก็คือ “บึงกาฬ ซิงกิ้ง คอนเทสต์”
ที่ทุกปีจะแข่งขันกันเฉพาะโรงเรียนที่เป็นตัวแทนของอำเภอ มาประชันหาผู้ชนะเลิศของจังหวัด
แต่ปีนี้พิเศษไปกว่านั้น
เพราะโรงเรียนชนะเลิศของบึงกาฬจะต้องประชันฝีมือกับวงดนตรีจากโรงเรียนระดับ “แชมป์ประเทศ” จากทั่วทุกภาค
จ่านกร้องจากพิษณุโลกยังงี้ เทพมิตรจากสุราษฎร์ธานียังงี้ วัดเขมาภิรตารามจากนนทบุรียังงี้
แค่เขียนถึงเท่านั้น เสียงดนตรีวงใหญ่ยังดังสนั่น ภาพน้องนุ่งลูกหลานหางเครื่อง ทั้งร้องทั้งเต้นกันสะบัด
ยังชัดเหมือนเปิดสเตริโอในหัว
แล้วจะพลาดได้ยังไง
17-23 มกราคม เจอกันที่บึงกาฬครับ