ฐากูร บุนปาน : ผู้มีอำนาจกลัวอะไร ทำไมไม่เลือกตั้ง ?

ประสาผู้มีหน้าที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ข้างเวที

พอถึงสิ้นปีหนไหน จะโดยหน้าที่หรือโดยวิสัย

ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเหลียวหลังและแลหน้า

นัยว่า

ด้านหนึ่ง เพื่อเป็นการตรวจสอบทบทวนตัวเอง

ไม่ให้เดินย่ำขี้หมากองเดิม

และอีกด้านหนึ่ง เพื่อสอดส่องระวังระไว

ไม่ให้เดินเหยียบขี้หมากองใหม่

ซึ่งเอาเข้าจริงก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

ฮา

2560 ที่ผ่านไปสอนอะไรเรา หรือเกิดอะไรขึ้น

ในทางเศรษฐกิจและการเมืองก็ต้องบอกว่าเป็นปีอึมครึม-คลุมเครือ

ไม่อย่างนั้นจะเกิดปรากฏการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจเติบโตสูงสุดในรอบหลายปี

แต่เสียงโอดโอยจากชาวบ้านธรรมดา ไม่ว่าจะเกษตรกร พ่อค้าแม่ขายรายย่อย พนักงานบริษัทห้างร้าน หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระรายเล็กรายน้อยทั้งหลาย ก็ดังที่สุดในรอบหลายปีเช่นกัน

ว่าการทำมาหากินฝืดเคืองมากขึ้นไปทุกที

อาการ “รวยกระจุก จนกระจาย” อาจจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นในทันที

แต่ตัวอย่างในประวัติศาสตร์เตือนใจเราว่า

ปัญหาปากท้องนี่แหละคือ “เชื้อเพลิงชั้นดี” ของการเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย

ถ้ามีชนวนอื่นแทรกเข้ามา

ชนวนที่ว่านั้นขี้มักจะเป็นประเภทถี่ลอดตาช้าง

อย่างนาฬิกาหรูเรือนแล้วเรือนเล่า

ซึ่งอาจจะไม่ผิดในทางกฎหมาย

แต่ตายสนิทในทางการเมืองหรือสังคม

หรืออย่างเรื่องการตายที่หาคำตอบไม่ได้ (หรือตอบแล้วคนก็ไม่เชื่อ เพราะไม่ได้กินหญ้าต่างข้าว)

ซึ่งมีแต่จะทำให้ศรัทธาและความเชื่อถือลดน้อยถอยลงไป

ไม่ใช่แต่เรื่องนี้ แต่รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย

การงานที่ติดขัด ตะกุกตะกักอยู่แล้ว ก็จะยิ่งทุลักทุเลมากขึ้น

จริงหรือไม่ 2561 จะให้คำตอบ

แล้วอะไรใน 2561 รอเราอยู่

อย่างแรกเลยก็คือการเลือกตั้งสิครับ

ไม่ต้องเป็นโลกสวยหรือประชาธิปไตยจ๋า ก็ยังรู้เลยว่าเลือกตั้งนั้นสำคัญ

สำคัญทั้งกับเศรษฐกิจและการเมือง

ที่ชอบพูดว่า เลือกตั้งไม่สำคัญ ขอให้ได้คนดีมาปกครอง หรือขอให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยเป็นพอ

จะได้ทำมาหากินกันอย่างมีความสุขนั้น

เอาเข้าจริงก็คือท่านที่ได้เปรียบได้ประโยชน์จากสถานการณ์แทบทั้งสิ้น

ลองถ้าไม่ได้ดังใจหรือไม่ได้ประโยชน์ จะพูดหรือคิดอย่างนี้อยู่หรือไม่

อย่าลืมว่ายังมีคนจำนวนไม่น้อยในสังคมนี้ ที่ตั้งหน้ารอการเลือกตั้งอยู่ใจจดจ่อ

ถึงจะเห็นอยู่ว่า กติกาสำหรับการเลือกตั้งที่ร่างออกมานั้นแสนจะพิกลพิการ

และมีโอกาสจะพาประเทศชาติไปลงเหวลงนรก มากกว่าขึ้นสวรรค์

ก็ยังต้องการจะไปเลือกตั้งอยู่ดี

ถามว่าเห็นอย่างนี้แล้ว ท่านที่มีอำนาจอยู่ในมือจะกลัวอะไร

กลัวแพ้?

กลัวว่าบ้านเมืองจะกลับไปเหมือนเดิมก่อนการยึดอำนาจ?

ก็ไหนว่างานการสำเร็จเรียบร้อยดี

สังคมมีความสงบ ประชาชนอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจดี

ถ้าดีจริงตามคำโฆษณา มีอะไรจะต้องกลัว

อำนาจอยู่ในมือ

ทุนหนุนหลังก็มหาศาล

กติกาก็ร่างขึ้นมาเอง

แถมช่วงนี้ยังมี “เดินสาย” ทั้งแบบเปิดเผยและปิด (ไม่ค่อย) ลับอยู่เป็นระยะ

ยังจะต้องกลัวอะไรอีก

ไม่เชื่อทฤษฎีฟางบนหลังอูฐ หรือกาต้มน้ำไม่มีรูระบาย กันบ้างหรือ

ไม่คิดหรือว่าสังคมนี้ “สั่งสมความเครียด” มาเป็นเวลา 7 ปีนับแต่การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2554

(หรืออาจจะนับว่านานกว่านั้น ถ้าย้อนไปถึงรัฐประหาร หรือก่อนรัฐประหาร 2549)

อะไรที่ถอดสลัก หรือเป็นช่องทางในการระบายความเครียดสะสมนี้ได้ดีที่สุด

ก็การเลือกตั้งสิครับ

การทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในกิจการบ้านเมือง

รู้สึกว่ายังร่วมเป็นเจ้าเข้าเจ้าของสังคมนี้ด้วย ไม่มากก็น้อย

2561 สิทธิพื้นฐานของความเป็นมนุษย์จะได้กลับมาหรือไม่

หวังเอาไว้ครับ

ชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง

สวัสดีปีใหม่ครับ