ฐากูร บุนปาน : น้องเกี่ยวก้อย และ คนฉีกรัฐธรรมนูญ

ในรอบสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา

สิ่งที่สร้างความอึดอัดกราดเกรี้ยวให้กับคนจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะในโลกเสมือนหรือโลกจริง

ก็คือผลพวงจากทัศนคติที่เห็นคนไม่เท่ากัน

ถ้าเห็นคนตายเป็นน้องนุ่งลูกหลาน

มีหรือผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบจะเอาความตายมาล้อเล่น

ถ้าเห็นคนทุกข์ว่าเขาหัวอกเดียวกันกับที่ตัวทุกข์

มีหรือจะตวาดใส่ชาวบ้าน กลายเป็นเรื่องก้องโลก

ถ้าเห็นหัวอกคนเป็นผัวเป็นพ่อเหมือนกัน

มีหรือจะพูดจาเสียดสีเย้ยหยันครอบครัวเขาให้ทุกข์ยิ่งขึ้น จากที่เขาทุกข์อยู่แล้ว

ลองนึกกลับกันว่า

ถ้าท่านเหล่านี้ถูกกระทำอย่างเดียวกันบ้าง

ท่านจะ “ปรี๊ดแตก” กันขนาดไหน

และคนที่มาทำอะไรอุบาทว์พรรค์นี้กับท่าน

จะประสบชะตากรรมอย่างไร

ในเวลาไล่ๆ กัน

ท่านผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ออกมาแสดงทัศนะเรื่องเศรษฐกิจการเมือง ว่า

รัฐบาลแมวดำแมวขาวก็ไม่เป็นไร

หรือรัฐบาลจะมาจากไหนก็ไม่สำคัญ

การเลือกตั้งก็ไม่สำคัญ

แปลต่อได้ว่า ต่อให้มาจากการลากตั้ง จากการยึดอำนาจรัฐประหาร

ถ้าจับหนูได้ ถ้าทำงานได้

ถือว่าเป็นรัฐบาลที่ดี

ถือว่ายอมรับได้

ซึ่งฟังแล้วก็งงงันกันไป

เพราะไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันตรงไหน

มีการเลือกตั้ง อาจจะได้รัฐบาลห่วยแตกก็ได้ หรือดีเลิศประเสริฐศรีก็ได้

เช่นเดียวกับรัฐบาลลากตั้ง อาจจะทรงประสิทธิภาพประสิทธิผล ดลบันดาลผลประโยชน์มหาศาลให้ท่านให้เราได้

หรืออาจจะเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ทำอะไรไม่เป็นนอกจากชี้ๆ สั่งๆ เอา

แล้วก็เข้าใจว่านี่คือทำงานแล้ว

ก็ได้

แต่เลือกตั้งที่ท่านว่าไม่สำคัญนั้น

กับชาวบ้านที่ไม่ใช่อภิสิทธิ์ชน

อย่างน้อยถ้าไม่ดีเขาก็เลือกใหม่ได้

ด่าได้ วิจารณ์ได้

แต่ถ้าเจอรัฐบาลที่เขาไม่ได้เลือกมา

พูดจาวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ เห็นต่างก็ไม่ได้

ทำไง?

จะปล่อยให้อุจจาระรดหัวกันไปเรื่อยๆ

อย่างนั้นหรือ?

พอๆ กันกับนักออกแบบสังคมมืออาชีพ

ทำงาน (ที่แสนจะประหลาดพิสดาร จนไม่รู้ว่าเอามาใช้แล้วจะรังสรรค์หรือสร้างความพินาศฉิบหาย) ไป ก็ด่าชาวบ้านไป

ว่าที่ต้องทนมาทำอยู่ทุกวันนี้

เป็นเพราะประชาชนไม่มีวินัย การบังคับใช้กฎหมายก็ห่วย

ซึ่งฟังแล้วก็งงอีก

ว่าใครกันแน่หว่าที่ไม่มีวินัย ไม่รักษากติกา

ยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญนี่เรียกว่าเคารพกติกา รักษาวินัยไหม

ที่เข้าไปทอดตัวรับใช้กลุ่มก้อนที่ฉีกกติกา ดันมีหน้ามาสั่งสอนชาวบ้าน

มีหน้ามาร่างกติกาอุบาทว์

แถมออกตัวด้วยว่า ไม่ได้อยากทำอะไรอุบาทว์ๆ แบบนี้

แต่ถูกบังคับให้ทำ ด้วยธรรมนูญเก่า (ที่เผลอๆ ตัวเองก็เขียนขึ้นมาเอง)

ถ้ามันอางขนางหรือรู้สึกเหมือนถูกขืนใจขนาดนั้น

ทนอยู่มันทำไม

เดินออกมาไม่ง่ายกว่าหรือ

หรือจะให้คนเขาเข้าใจผิดกันไปว่า ที่ทนอยู่นั้นเพราะได้ประโยชน์ทั้งตัวเองและบริษัทบริวารลูกหลาน

อยู่ต่อเพราะเชื่อว่าตัวข้าดีกว่า เก่งกาจกว่าชาวบ้าน

ตราบใดที่ทัศนคติเรื่องคนไม่เท่ากัน ที่สร้างปัญหามาตลอดหลายสิบปีนี้ ไม่หมดหรือไม่ลดลงไป

ให้กี่สิบ “น้องเกี่ยวก้อย” โผล่มา

อย่างมากก็เป็นได้แค่ “น้องเหี่ยวห้อย”

เพราะปรองดองกับใครหรือสร้างสันติสุข (ตามคำโฆษณาชวนเชื่อ) ไม่ได้

หลอกตัวเองจนเคลิ้ม

แล้วจะมาหลอกให้คนอื่นฝันกลางวันตาม

พอเขาไม่เชื่อก็โกรธ

โกรธว่าไม่เชื่อคนดีกว่า คนเก่งกว่า (และถือปืนมากกว่า) ได้ยังไง

ค้ำคอพูดข้างเดียวจะให้ปรองดอง

สุขสบายกันอยู่ไม่กี่กลุ่ม จะให้คนส่วนใหญ่รื่นเริง

ถามจริงๆ เถิดพ่อ

คิดกันออกมาได้ยังไง?