‘ลุงตู่’ กับ ‘ลุงป้อม’ ในมุมมอง ‘วีระกร คำประกอบ’ | ของดีมีอยู่

“วีระกร คำประกอบ” ส.ส.นครสวรรค์ 9 สมัย และอดีตรัฐมนตรี ถือเป็นนักการเมืองรุ่นลายคราม ซึ่ง “มีของ” และ “มีความเป็นตัวของตัวเองสูงยิ่ง” คนหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐ

ในระยะหลังๆ เขาคือ ส.ส.พลังประชารัฐเพียงไม่กี่ราย ที่กล้าออกมาคอมเมนต์ตรงๆ ถึง “ระยะห่าง” และ “ทางแยก” ระหว่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ซึ่งเริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ

ดังที่วีระกรเพิ่งให้สัมภาษณ์กับรายการ “The Politics ข่าวบ้านการเมือง” ทางช่องยูทูบมติชนทีวี ไปเมื่อเร็วๆ นี้

โดยมีสาระสำคัญสองข้อ คือ หนึ่ง การแยกพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” ออกจาก “พลังประชารัฐ” จะยิ่งทำให้ขั้วอำนาจในปัจจุบันอ่อนแอลง และสอง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า การเมืองไทยจะวุ่นวายแน่ๆ

ต่อไปนี้คือปากคำบางส่วนของ “ส.ส.วีระกร” ที่ให้ไว้กับรายการ The Politics

“ถ้าสมมุติว่าลุงตู่ไปจริงๆ ก็คงจะมี ส.ส.ของพลังประชารัฐย้ายไปร่วมอยู่บ้าง อาจจะมากหรือไม่มาก ผมเองก็ลองสอบถามดู แล้วก็มีพอสมควร … ถ้ามีพรรครวมไทยสร้างชาติเกิดขึ้น ก็จะมา ‘ตกปลาในบ่อเพื่อน’ กันอยู่อย่างนี้ มันก็น่าจะไปสร้างใหม่บ้างอะไรบ้าง มันก็จะทำให้แยกกัน ไม่ใช่แยกกันตีนะ แยกกันพัง ก็จะกลายเป็นพรรคที่ไม่ใหญ่กันทั้งคู่ เป็นพรรคกลางๆ ทั้งคู่”

“ปัญหาก็จะมีอยู่ว่าถ้าท่าน (พล.อ.ประยุทธ์) ไป แล้วบังเอิญท่านได้เป็นนายกฯ ท่านจะเป็นนายกฯ ได้แค่ 1 ปี 9 เดือน มันคุ้มไหมที่จะแยกกันเป็นสองพรรค? แล้วก็ทำให้พรรคเล็กลงไปทั้งสองพรรค มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะใหญ่เท่าๆ กัน มี (ส.ส.) ร้อยกว่าคนทั้งสองพรรค มันก็คงจะเป็นพรรคกลางๆ พรรคหนึ่ง หรือว่าพรรคเล็กพรรคหนึ่ง ก็ยังไม่รู้ว่ามันจะออกอย่างไร”

“ถ้าท่าน (พล.อ.ประยุทธ์) ไป ก็จะทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติดึงดูด ส.ส. เข้าไปได้บ้าง แต่เราก็ไม่เชื่อว่าจะไปเยอะ อาจจะมีจากประชาธิปัตย์บ้าง ภาคใต้ของพลังประชารัฐบ้าง ส่วนภาคกลาง ภาคเหนือ หรือภาคอื่นๆ ก็คงจะไม่มากนัก แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าคนที่ไปจะสอบได้สักกี่มากน้อย … แต่ละพรรคตอบไม่ได้หรอกว่าใครจะมากี่คน ปัญหาไม่ได้อยู่ว่าย้ายไปกี่คน ปัญหามันอยู่ที่ว่าจะได้กี่คน”

“วันที่เขาเปิดตัวพรรครวมไทยสร้างชาติ มี (ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.) ยืนเข้าแถวกัน ที่ยืนเข้าแถวทั้งหมด ผมยังมองไม่เห็นเลยว่าใครจะได้รับเลือกตั้ง อันนี้พูดจากข้อเท็จจริงนะ … ส่วนใหญ่ก็จะเป็น ส.ต. (ผู้สมัครสอบตก) ส.ส.เก่า รับเลือกตั้งใหม่จะได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้”

“การที่แยกเป็นสองพรรค (พลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติ) มันอดไม่ได้หรอก ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง มันก็ต้องแย่งคะแนนกัน ถึงแม้จะอยู่ฟากเดียวกัน เวลาตั้งเวทีประจันหน้ากันมันจะเชียร์กันรึ? มันก็ไม่ถึงกับด่าหรอก แต่ก็ต้องพูดถึงจุดอ่อนฝั่งตรงข้าม ซึ่งในที่สุด มันก็จะเป็นเรื่องระหองระแหงกันด้วย”

“[ผู้ดำเนินรายการ – แล้วคุณวีระกรไป (รวมไทยสร้างชาติ) ไหมครับ?] ไม่ไปนะครับ ผมสงสารลุงป้อม”

“เพียงแต่ว่าลุงป้อมควรจะต้องเรียกกลุ่มต่างๆ มาเคลียร์กัน แล้วระดมสมองเพื่อที่จะสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป ต้องระดมนโยบาย ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มต่างๆ ให้ความสำคัญกับ ส.ส. ที่ผ่านมาจะห่างไปนิดหนึ่ง แต่ก็ดีกว่าลุงตู่ ซึ่งไม่คุยกับ ส.ส.เลย ลุงป้อมก็ยังมีความใกล้ชิดกับ ส.ส.พอสมควร แต่ต้องลึกซึ้งกว่านี้ ต้องเชิญมาเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว ในการที่จะมาพูดคุยกัน”

“ผมอยากจะเอาคำพูดของลุงป้อม ซึ่งเมื่อวานนี้เจอกันที่กำแพงเพชร คำพูดหนึ่งที่ท่านพูดกับผม เฉพาะสองคนได้ยินกัน ก็คือ ‘ตู่เขาอยากเป็นนายกฯ ก็ให้เขาเป็นไปเถอะ’

นี่คือคำพูดของลุงป้อม ท่านพูดคำนี้ พูดแบบรักน้อง เพราะฉะนั้น เชื่อได้เลยว่าถ้าลุงตู่แยกไปทางนั้น แล้วเขาถึง 25 เสียง เขาเสนอชื่อลุงตู่เป็นนายกฯ ลุงป้อมจะห้าม (พรรคพลังประชารัฐ) เลยว่าไม่ให้เสนอ (ชื่อตัวเอง) แข่ง ผมยืนยันว่าลุงป้อมสปิริตดีมากในเรื่องนี้ เมื่อวานนี้ พอได้ฟังคำนี้ขึ้นมา เราสงสารแกมาก เรามีความรู้สึกว่าเขารักน้องเขาจริงๆ เขาไม่ได้แข่งแย่งอะไรกัน เขาเพียงแต่มองเหมือนผมมอง ก็คือว่าถ้าลุงตู่ขึ้น ปัญหาจะเกิด”

“วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 วุฒิสมาชิกจะหมดอำนาจในการยกมือสนับสนุนนายกรัฐมนตรี ก็คือ ถ้าเลือกตั้งนายกฯ กันในรัฐสภาครั้งหน้า ก็น่าจะอยู่ราวๆ เดือนกรกฎาคม 2566 เพราะฉะนั้น ไปถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 มันก็แค่สิบเดือน สิบเดือนนี้มันจะเป็นความโกลาหลในสภา เพราะเงื่อนไขมันจะเปลี่ยนไป ทุกพรรคอยากเป็นนายกฯ หมด สิ่งที่จะเกิดขึ้นในสภาและนอกสภา ก็คือ การที่จะต้องล้มรัฐบาลให้ได้”

“ถ้าลุงตู่ขึ้น ผมมองว่าวุ่น ก็บอกได้แค่นั้นว่าวุ่นแน่ ทั้งวุ่นในสภาและวุ่นการเมืองบนท้องถนน วุ่นทั้งในและนอกสภา” •