ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 - 28 พฤษภาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
ใครจะบอกว่าเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี
เป็นพวก “อะนาล็อก” ตกยุคตกสมัย
ก็ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน
และขอยืนยันว่า “โรงเรียน” และสังคมในโรงเรียนยังเป็นเรื่องจำเป็น (ในปัจจุบัน อนาคตว่ากันอีกที)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กในวัยก่อนเป็นผู้ใหญ่
ทั้งอนุบาล ประถม มัธยม
สภาพมหาโกลาหลตั้งแต่ก่อนจนกระทั่งถึงช่วงเวลาจริงของ “การเรียนออนไลน์” ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
สะท้อนความเชื่อ (ส่วนตัว) ข้างต้นได้ดี
เข้าใจถึงความปรารถนาดีของกระทรวงศึกษาธิการและคุณครูบางท่านเป็นอย่างดี
ที่เกรงว่าเด็กจะเรียนช้า หรือว่าไม่ได้เรียนอะไรเลยในช่วงการกระจายของโรคระบาด
แต่มาตรการประเภท “แถวตรง” แบบทหารที่เอามาใช้
คือสั่งคำเดียวแล้วรับไปปฏิบัติเหมือนกันหมดทั่วประเทศ หรือทั้งสังคมนั้น
มัน “ไม่เวิร์ก”
ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
และก่อให้เกิดปัญหาอีกหลายๆ อย่างตามมา
อย่างแรกเลยก็คือ มันตอกย้ำให้เห็นความเหลื่อมล้ำ
และตอกลิ่มให้ความเหลื่อมล้ำนี้ถ่างกว้างมากขึ้น
ภาพยายจูงหลานกำเงินก้อนสุดท้ายในบ้าน 2,000 บาท ไปเดินซื้อหาสมาร์ตโฟน เพื่อจะให้หลานได้เรียนออนไลน์
ภาพเด็กทุบกระปุกเพื่อซื้อโทรศัพท์เพื่อทำแบบเดียวกัน
ว่า “ดราม่า” แล้ว
แต่ความจริงที่โหดร้ายกว่าก็คือ ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ “ตกขบวน” ไปเลย
ไม่ว่าจะเพราะไม่มีเงินซื้อเครื่องมือสื่อสาร
ไม่มีเงินจ่ายค่าอินเตอร์เน็ต
ถามว่ากระทรวงศึกษาธิการในฐานะผู้ออกนโยบาย มีตัวเลขหรือสถิติไหมครับว่า
เด็กตกสำรวจ-นักเรียนที่เข้าไม่ถึงระบบออนไลน์นี้มีเท่าไหร่
ถ้าไม่รู้ก็คือล้มเหลว
รู้แล้วแก้อะไรไม่ได้
ก็คือล้มเหลวเหมือนกัน
อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน
ก็คือ จะ “วัดผล” ของการเรียนออนไลน์นี้อย่างไร
อย่าตอบว่าด้วย “คะแนน” นะครับ
จะให้สอบตกทั้งกระทรวง
เพราะวัตถุประสงค์ของโรงเรียนนั้นไม่ใช่แค่วัดด้วยคะแนนสอบของเด็ก
แต่คือการทำให้เกิดพัฒนาการ ให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นคนเต็มคน
โดยเฉพาะพัฒนาการทางสังคม
ยิ่งกับเด็กในวัยอนุบาล ประถม และมัธยม เรื่องนี้ยิ่งจำเป็น
จะชั่วจะดี โรงเรียนก็เป็นแหล่งบ่มเพาะพัฒนาการที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
ไม่อย่างนั้นจะมีครูมีโรงเรียนไว้ทำไม
นี่ยังไม่พูดถึงประเด็นที่ถูกวิจารณ์อื่นๆ
เช่น หลักสูตรยัดไส้
หรือคุณภาพของผู้สอนที่ไม่ถึงขั้น
ฯลฯ
ซึ่งอันนั้นไม่ว่าจะเรียนกันต่อหน้า หรือว่าเรียนออนไลน์ ก็เป็นเรื่องต้องปรับปรุงอยู่แล้ว
วันนี้ว่ากันแต่ “นโยบายเฉพาะหน้า” ล้วนๆ
อย่างที่บอก การเรียนออนไลน์ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์หรือไม่เหมาะ
แต่ว่ามีประโยชน์กับกลุ่มจำเพาะที่เข้าเงื่อนไข
ไม่ใช่ทำแบบเหวี่ยงแหทั่วประเทศแบบนี้
ถามว่าจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อมาเลย ทำไมเปิดเรียนไม่ได้
หรือจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อใหม่มาหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น ทำไมเปิดเรียนไม่ได้
ไม่เชื่อตัวเลขของทางการด้วยกัน (เหมือนชาวบ้านส่วนหนึ่งสงสัย)
หรือขี้เกียจ สักแต่มีอำนาจก็สั่งๆ ไป
เห็นพูดกันไม่หยุดปากว่า new normal-new normal
แต่ไอ้ที่ทำอยู่ด้วยการเอาเปลือกดิจิตอลหุ้มเข้าไป
ส่วนเนื้อในนี่ไดโนเสาร์เต่าล้านปียิ่งกว่า
มันสะท้อนความเชยของตัวนโยบายและรัฐชัดเจนมากนะครับ