ฐากูร บุนปาน | ปากบอก new normal เอาดิจิตอลหุ้มเปลือก แต่เนื้อในคือไดโนเสาร์เต่าล้านปี

ใครจะบอกว่าเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี

เป็นพวก “อะนาล็อก” ตกยุคตกสมัย

ก็ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน

และขอยืนยันว่า “โรงเรียน” และสังคมในโรงเรียนยังเป็นเรื่องจำเป็น (ในปัจจุบัน อนาคตว่ากันอีกที)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กในวัยก่อนเป็นผู้ใหญ่

ทั้งอนุบาล ประถม มัธยม

สภาพมหาโกลาหลตั้งแต่ก่อนจนกระทั่งถึงช่วงเวลาจริงของ “การเรียนออนไลน์” ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

สะท้อนความเชื่อ (ส่วนตัว) ข้างต้นได้ดี

เข้าใจถึงความปรารถนาดีของกระทรวงศึกษาธิการและคุณครูบางท่านเป็นอย่างดี

ที่เกรงว่าเด็กจะเรียนช้า หรือว่าไม่ได้เรียนอะไรเลยในช่วงการกระจายของโรคระบาด

แต่มาตรการประเภท “แถวตรง” แบบทหารที่เอามาใช้

คือสั่งคำเดียวแล้วรับไปปฏิบัติเหมือนกันหมดทั่วประเทศ หรือทั้งสังคมนั้น

มัน “ไม่เวิร์ก”

ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง

และก่อให้เกิดปัญหาอีกหลายๆ อย่างตามมา

อย่างแรกเลยก็คือ มันตอกย้ำให้เห็นความเหลื่อมล้ำ

และตอกลิ่มให้ความเหลื่อมล้ำนี้ถ่างกว้างมากขึ้น

ภาพยายจูงหลานกำเงินก้อนสุดท้ายในบ้าน 2,000 บาท ไปเดินซื้อหาสมาร์ตโฟน เพื่อจะให้หลานได้เรียนออนไลน์

ภาพเด็กทุบกระปุกเพื่อซื้อโทรศัพท์เพื่อทำแบบเดียวกัน

ว่า “ดราม่า” แล้ว

แต่ความจริงที่โหดร้ายกว่าก็คือ ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ “ตกขบวน” ไปเลย

ไม่ว่าจะเพราะไม่มีเงินซื้อเครื่องมือสื่อสาร

ไม่มีเงินจ่ายค่าอินเตอร์เน็ต

ถามว่ากระทรวงศึกษาธิการในฐานะผู้ออกนโยบาย มีตัวเลขหรือสถิติไหมครับว่า

เด็กตกสำรวจ-นักเรียนที่เข้าไม่ถึงระบบออนไลน์นี้มีเท่าไหร่

ถ้าไม่รู้ก็คือล้มเหลว

รู้แล้วแก้อะไรไม่ได้

ก็คือล้มเหลวเหมือนกัน

อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน

ก็คือ จะ “วัดผล” ของการเรียนออนไลน์นี้อย่างไร

อย่าตอบว่าด้วย “คะแนน” นะครับ

จะให้สอบตกทั้งกระทรวง

เพราะวัตถุประสงค์ของโรงเรียนนั้นไม่ใช่แค่วัดด้วยคะแนนสอบของเด็ก

แต่คือการทำให้เกิดพัฒนาการ ให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นคนเต็มคน

โดยเฉพาะพัฒนาการทางสังคม

ยิ่งกับเด็กในวัยอนุบาล ประถม และมัธยม เรื่องนี้ยิ่งจำเป็น

จะชั่วจะดี โรงเรียนก็เป็นแหล่งบ่มเพาะพัฒนาการที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต

ไม่อย่างนั้นจะมีครูมีโรงเรียนไว้ทำไม

นี่ยังไม่พูดถึงประเด็นที่ถูกวิจารณ์อื่นๆ

เช่น หลักสูตรยัดไส้

หรือคุณภาพของผู้สอนที่ไม่ถึงขั้น

ฯลฯ

ซึ่งอันนั้นไม่ว่าจะเรียนกันต่อหน้า หรือว่าเรียนออนไลน์ ก็เป็นเรื่องต้องปรับปรุงอยู่แล้ว

วันนี้ว่ากันแต่ “นโยบายเฉพาะหน้า” ล้วนๆ

อย่างที่บอก การเรียนออนไลน์ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์หรือไม่เหมาะ

แต่ว่ามีประโยชน์กับกลุ่มจำเพาะที่เข้าเงื่อนไข

ไม่ใช่ทำแบบเหวี่ยงแหทั่วประเทศแบบนี้

ถามว่าจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อมาเลย ทำไมเปิดเรียนไม่ได้

หรือจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อใหม่มาหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น ทำไมเปิดเรียนไม่ได้

ไม่เชื่อตัวเลขของทางการด้วยกัน (เหมือนชาวบ้านส่วนหนึ่งสงสัย)

หรือขี้เกียจ สักแต่มีอำนาจก็สั่งๆ ไป

เห็นพูดกันไม่หยุดปากว่า new normal-new normal

แต่ไอ้ที่ทำอยู่ด้วยการเอาเปลือกดิจิตอลหุ้มเข้าไป

ส่วนเนื้อในนี่ไดโนเสาร์เต่าล้านปียิ่งกว่า

มันสะท้อนความเชยของตัวนโยบายและรัฐชัดเจนมากนะครับ