ฐากูร บุนปาน | อยากให้เศรษฐกิจฟื้นฟูเร็ว รื้อโครงสร้างอำนาจของรัฐ-ราชการก่อนเลย

เข้าใจว่าข้อเสนอของท่าน 20 อภิมหาเศรษฐี (หรือกว่านั้น) ที่รัฐบาลถามไป (และถ้าท่านตอบมา)

คงจะไม่มีเรื่องนี้รวมอยู่ด้วย

จึงถือโอกาสสอดแทรกเสียงชาวบ้านมาแนมกับเสียงเจ้าสัวเอาไว้ในที่นี้

ในงบฯ เยียวยา-ฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านบาทนั้น

ตัดส่วน 900,000 ล้านที่แบงก์ชาติรับผิดชอบดูแล เอาไว้

เอาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับรัฐบาลและการคลัง 1 ล้านล้านก่อน

งบฯ ตรงนี้ท่านแยกไว้เป็น 2 ส่วนคือ

600,000 ล้านใช้เยียวยา

400,000 ล้านใช้กอบกู้ฟื้นฟู

ประเด็นก็อยู่ตรงนี้ล่ะครับ

ถามว่า 600,000 ล้านที่เตรียมไว้เยียวยานั้นพอเพียงไหม

คำตอบคือ ถ้าแจกกะปริบกะปรอย แจกเป็นขยัก แจกไม่ทั่วถึงอย่างนี้

พอแน่

แต่ก็มีปัญหาแน่ อย่างที่เห็นๆ กันอยู่

ครั้นจะแจกกันตามหลักการว่า ในยามวิกฤต รัฐควรจัด “สวัสดิการทั่วหน้า” ให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในการครองชีพ

ยังน่าสงสัยอยู่ว่าจะพอไหม

คำถามต่อไปมีว่า งั้นถ้าจะมาเยียวยาคนให้ทั่วถึง-เท่าเทียมจริงๆ

จะไปหาสตางค์มาจากไหน

คำตอบก็คือ จาก 400,000 ล้านที่เป็นงบฯ ฟื้นฟูนี่ไงครับ

วันอังคาร (28 เมษายน) รัฐบาลท่านให้กระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานต่างๆ เสนอแผนขึ้นมา

ว่าจะทำอะไรกับเงินส่วนนี้

จำได้ไหมครับที่เคยกราบเรียนไปว่า แค่มีข่าวออกมาว่าจะมี “งบฯ พิเศษ” 400,000 ล้าน

วันเดียวเท่านั้น พรรคการเมืองบางพรรคคิดโครงการออกมาได้แล้ว

ว่าจะเอาไปสร้างสนามบินกระจายไปตามภูมิภาค

(เกี่ยวกับฟื้นฟูเศรษฐกิจเฉพาะหน้าตรงไหน? สร้างเอาไว้ชนวัว หรือแข่งวิ่งควายหรือ?)

ยังไม่นับข่าวกระเซ็นกระสายจากกรมนั้น กระทรวงนี้อีกว่า

หลังได้รับ “บัญชา” มาให้คิดโครงการ

ท่านก็เตรียมงานกันยกใหญ่

โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นของถนัด

และเป็นทางรั่วไหลของเงินรัฐ (หรือจริงๆ คือเงินชาวบ้าน) ได้มากที่สุด

ยังไม่รู้หรอกครับว่า สารพัดโครงการ “เสือหิว” ที่เสนอกันเข้ามา จะผ่านการ “กลั่นกรอง” ได้หรือไม่

แต่ในระบบที่พยายามจะปิดปากคนส่วนใหญ่หรือคนเห็นต่าง

ระบบที่ชอบเอาผิดกับคนเปิดเผยการทุจริต มากกว่าจะไปจับคน-การทุจริต

มันชวนให้หวาดเสียว หวาดระแวง

ว่าเงินของเราๆ ท่านๆ จะถูกใช้จ่ายไปแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

หรือไหลเข้าพกเข้าห่อคนไม่กี่คน

มากกว่าที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่

ถ้างั้นข้อเสนอคืออะไร

ก็คือให้โอนเงินนี้ทั้งก้อน หรือเกือบทั้งหมด ไปโปะในส่วนของเงินเยียวยา

ให้เพิ่มจาก 600,000 ล้าน เป็น 900,000 ล้าน หรือ 1 ล้านล้าน

ตัวเงินที่จะให้เรื่องฟื้นฟู-กอบกู้เศรษฐกิจนั้น

ไม่กี่หมื่นล้านก็พอแล้ว หรือให้เต็มที่ก็ไม่เกิน 100,000 ล้าน

เพราะการกอบกู้เศรษฐกิจที่แท้จริง

ใช้ปัญญา ใช้ความกล้าหาญ มากกว่าใช้เงิน

กลไกเศรษฐกิจนั้นขับเคลื่อนด้วยภาคเอกชน

ถามว่าปัญหาหลักๆ ของคนทำธุรกิจคืออะไร

หลักๆ ก็มีเรื่องการตลาด การบริหาร เรื่องเงินทุน

และระบบระเบียบ (ที่ไม่เข้าท่า) ของราชการ ที่เพิ่มทั้งต้นทุนและเวลาในการทำงาน

ถ้าเป็นเรื่องตลาดหรือการจัดการ เป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการต้องจัดการให้ได้

ส่วนเรื่องเงินนั้น ถ้ารัฐอุดหนุน (แบบมีเงื่อนไข) ได้บ้างบางส่วนก็จะดี

(ถึงให้พอมีเหลือไว้บ้างจาก 400,000 เหลือ 100,000 หรือน้อยกว่า)

แต่อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่ได้รับการแก้ไขมาเลยเป็นเวลาหลายสิบปี

และยิ่งทวีความยุ่งยากซับซ้อน เพิ่มต้นทุน เพิ่มเวลา เพิ่มปัญหา ให้กับผู้ประกอบการน้อยใหญ่ ในเวลาที่ “รัฐราชการ” เป็นใหญ่-พองตัวขึ้นมา

ก็คือตัวระเบียบราชการ ที่มากมายจนกลายเป็นอุปสรรคของคนทำกิจการ

แต่เป็น “ช่องทางทำมาหากิน” ของผู้ถือระเบียบนั้น ไม่ว่าจะระดับไหน

อยากช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นฟูได้เร็ว

รื้อโครงสร้างอำนาจของรัฐ-ราชการก่อนเลยครับ

โดยเฉพาะเรื่องขั้นตอนการอนุมัติทั้งหลายแหล่

และเรื่อง “ดุลพินิจ”

นึกดูเถอะครับ ในกฎหมายหลายพันฉบับนั้น อยากจะทำอะไร

หรือสามารถทำอะไรได้บ้าง

มีเยอะแยะจนทำกันได้ไม่หมด

แต่ยิ่งทำให้ง่าย ให้โปร่งใส ให้สามารถตรวจสอบถ่วงดุลกันได้มากเท่าไหร่

เศรษฐกิจก็จะฟื้นไวมากขึ้นเท่านั้น

และเงินก็ใช้น้อย หรือแทบไม่ต้องใช้

แค่ใช้ปัญญาและความกล้าหาญ (ที่จะทุบหม้อข้าวของตัวเอง หรือบริษัทบริวาร) มากหน่อย

นอกจากทำหนเดียว เป็นประโยชน์ไปอีกนานแล้ว

ยังช่วยปกปักรักษาไม่ให้เงิน 400,000 ล้านของเราๆ ท่านๆ ตกน้ำป๋อมแป๋มไปอีกต่างหาก

อยากทำ กล้าทำไหมครับ