ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 เมษายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
เท่าที่สดับตรับฟังมาหนึ่งวันเต็มๆ หลังจากรัฐบาลท่านประกาศมาตรการว่าจะทุ่มเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อสกัดการแพร่กระจายของโรคระบาด และเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจ-ปากท้องของประชาชน
ยังไม่เห็น ไม่ได้ยินว่าใครจะคัดค้านคัดง้างอะไร
มีแต่ช่วยกันติติงและเสนอแนะด้วยความหวังดี
เท่าที่รวบรวมได้ก็มีสองสามประเด็นใหญ่
คือเงินที่เตรียมไว้อาจจะไม่พอ
กลัวจะไม่ทั่วถึงจริง-ไม่ทันเวลา
และ
ให้ระวังช่องทางที่จะรั่วไหล
ใน 1.9 ล้านล้านที่รัฐบาลท่านอนุมัติมา
เป็นมาตรการทางการคลัง (คือรัฐบาลจ่ายเอง) 1 ล้านล้านบาท
เป็นมาตรการทางการเงิน (แปลว่าแบงก์ชาติให้ยืมก่อน แล้วเดี๋ยวจะเอาคืนทีหลัง) 900,000 ล้านบาท
ยกเรื่องการเงินเอาไว้ก่อน เอาเฉพาะการคลังที่รัฐบาลท่านจะจ่ายออกมา 1 ล้านล้านบาท
ฟังตัวเลขแล้วดูเหมือนเยอะมาก ทำไมถึงยังกลัวว่าจะไม่พอ
ก็เพราะท่านไปแยกเงินเอาไว้เป็นสองก้อน
ก้อนแรก 600,000 ล้านบาท เป็นเงินเยียวยาคนตกงานและงบประมาณด้านสาธารณสุข
อีก 400,000 ล้านบาท เป็นเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่บอกว่าจะเน้นชุมชนและท้องถิ่น
ว่ากันตรงเงินเยียวยา 600,000 ล้านก่อน
ท่านกำหนดหลักเกณฑ์ว่าจะจ่ายเงินช่วยเหลือคนตกงาน-ว่างงานชั่วคราว ที่ท่านประเมินเอาไว้เองว่าจะอยู่ประมาณ 9 ล้านคน
คนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน
ฟังดูก็เหมือนจะดี
แต่ตัวเลขคนที่เดือดร้อนน่าจะมากกว่านั้น
ถามว่าเกษตรกรอีก 11 ล้านคนที่เดือดร้อน (ยิ่งกว่าเดิม) จะได้รับการช่วยเหลือแบบเดียวกันหรือไม่
หรือจะใช้วิธีเหมารวมๆ กันไป เหมือนที่เคยทำอย่างที่ผ่านมา
อย่างนั้นเป็นธรรมไหม?
ถามอีกว่ารัฐบาลมีปัญญาโอบอุ้มคน 20 ล้านหรือ 24 ล้านคนให้ผ่านวิกฤตปากท้องหนนี้ได้ไหม
คำตอบคือสบายมาก
จ่ายให้คนละ 5,000 คน จำนวน 20 ล้านคนก็เดือนละ 100,000 ล้าน จ่ายไป 6 เดือนก็ 600,000 ล้าน
ต่อให้เป็น 24 ล้านคน จ่าย 6 เดือนก็ 720,000 ล้าน
เพราะที่กระทรวงการคลังจะกู้เงินครั้งนี้ ยังอั้นไว้แค่ 1 ล้านล้าน
ห่างจากร้อยละ 10 หรือ 12 ของจีดีพีที่สามารถทำได้คือ 1.6 ไปถึง 1.9 ล้านล้านบาทตั้งเยอะ
ถ้าคิดมาตรการอะไรไม่ออก
ถ้ากลัวว่าเงินจะไปช้า
แจกตรงๆ ลงไปที่ชาวบ้านเลยครับ
เร็วดีและไม่รั่วไหล
มาถึง 400,000 ล้าน ในนามของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ถามจริงๆ เถอะว่า ใช้เงินน้อยกว่านี้ แต่ใช้ปัญญามากกว่านี้
หรือดีที่สุดคือไม่ใช้เลยได้หรือไม่
คำตอบคือได้ ถ้าอยาก (และกล้า) ทำ
เพราะทรัพยากรในมือของรัฐสำคัญที่สุดนั้นมีอยู่สองอย่าง
หนึ่งคือเงิน อีกหนึ่งคืออำนาจ
ถ้าจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แทนที่จะใช้เงินก็ใช้ “มาตรการ” ช่วยเหลือหรือส่งเสริมให้ชาวบ้าน ให้ธุรกิจเอกชนเขาอยู่ได้ เขาไปทำกันเอง (ซึ่งเก่งกว่ารัฐลงไปชี้นำแน่ๆ) ดีไหม
เช่น นาทีนี้อยากให้อุตสาหกรรมไหนแจ้งเกิด เช่น อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมหน้ากาก หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการสู้โควิด-19 (ที่คาดว่าจะอยู่กับโลกนี้อีกเป็นครึ่งปีหรือเต็มปี)
ประกาศส่งเสริมเลยครับ ลดภาษีให้เลยครับ
มีอำนาจแล้วใช้อำนาจให้เป็นครับ
แต่ถ้าใช้วิธีโยน 400,000 ล้านลงไปให้พรรคหน้ากากเสือ พรรคนักช้อป พรรคเรือพ่วง หรือหน่วยงานเสือหิวจัดการ
400,000 ล้านคือไอติมแท่งใหญ่ ผลัดกันเลียไป พอถึงชาวบ้านก็เหลือแต่เศษติดก้านไม้
อย่าให้เกิดสภาพที่ว่านั้นขึ้นมาเลย
เดี๋ยวจะยิ่งวิกฤตซ้อนวิกฤตกันเข้าไปใหญ่
ในส่วน 900,000 ล้านของแบงก์ชาตินั้น
ถ้าจะพูดกันจริง ยาวได้อีกตอนหนึ่งเลย
เอาแค่สั้นๆ ก็คือ อะไรที่คนอยู่บนหอคอยงาช้างไม่เคยทำ ก็อย่าไปทำเลย
โยนไปให้คนที่เขาถนัดกว่าเก่งกว่าทำเถิด
ถ้ากลัวเงินโยนไปจะหาย ยังมีวิธีควบคุมได้เยอะแยะ
อ้อ-แล้วพึงระวังให้ดี ว่าเวลาที่มาตรการช่วย “ขาใหญ่” ออกมาเร็วกว่า จะแจ้งกว่า มีประสิทธิผลกว่าการช่วย “คนตัวเล็กตัวน้อย” ทั้งหลาย
มันก็เป็นวิกฤตได้อีกอย่างเหมือนกัน