ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 กุมภาพันธ์ 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
สิ้นวิกฤตเฉพาะหน้าครั้งนี้อย่างฝุ่นพิษ PM 2.5 และไวรัสอู่ฮั่นไปแล้ว
มีการบ้านทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทั้งเก่าและใหม่กองรอรัฐบาลและสังคมไทยอยู่อีกเป็นพะเรอ
เตรียมตั้งรับกันเอาไว้แต่เนิ่นๆ ก็น่าจะดี
กรณีไวรัสอู่ฮั่นนั้นเบาที่สุด และควรยกย่องสรรเสริญในความดีความชอบและความเสียสละของระบบและบุคลากรด้านสาธารณสุขของไทยทั้งหมด
ส่วนที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขนอกจาก “ปาก” ของคนในรัฐบาลเองแล้ว
ก็คือการประสานงานร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ
เตรียมการตั้งเดือน แล้วแพ้สหรัฐหรือญี่ปุ่น มหาอำนาจกำปั้นใหญ่-เงินหนานั้นไม่เป็นไร
แต่ทำไมยังอืดอาดล่าช้ากว่าพม่า บังกลาเทศ ศรีลังกา นี่ต้องเป็นเรื่องที่ต้องกลับมาทบทวนตัวเองนะครับ
ที่หนักหนากว่าคือฝุ่นพิษ PM 2.5
ที่ต้องคิดและลงมือปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมทันที (ไม่ใช่มีแต่มาตรการที่สั่งเหมือนสั่งน้ำมูก เพราะไม่ได้ปฏิบัติกันจริงจัง) ก็คือทำอย่างไรจะไม่ให้ปัญหาเก่าวนกลับมาเหมือนเดิม
หนึ่งปีจากนี้ไป จัดหาเครื่องไม้เครื่องมือหรือมีวิธีการที่จะชักจูงให้ชาวบ้านชาวนาชาวไร่เลิกเผาตอเผาซังหรือเผาไร่ไหม
ประกาศสั่งปาวๆ ไม่มีทางเลือก ไม่มีตัวช่วย ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
หนึ่งปีจากนี้ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลจะลดลงไปเท่าไหร่ รถยนต์ไฟฟ้าที่พูดกันจนน้ำลายบูด พูดแล้วพูดอีก จะเกิดขึ้นจริงได้อย่างไร
รัฐบาลจะเข้าไปสนับสนุนส่งเสริมตรงไหน
เรื่องเหล่านี้ต้องทำทันทีนะครับ
เพราะกว่าจะสั่ง กว่าจะแปรคำสั่งเป็นการปฏิบัติแบบราชการไทย
เผลอๆ เดี๋ยวก็หมดปีโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พ้นปัญหาเฉพาะหน้าก็มาถึงปัญหาดั้งเดิมที่รออยู่อย่างภัยแล้ง
มีข้อเสนอดีๆ เกิดขึ้นมากมายเต็มไปหมด โดยเฉพาะที่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น
เช่น การขุดลอกคูคลอง การระดมขุดแหล่งน้ำประจำตำบลหรือหมู่บ้าน ไปถึงการเติมต้นทุนน้ำใต้ดินให้มากขึ้น เพื่อเอาออกมาใช้ในยามคับขันฉุกเฉิน
ยังไม่ต้องไปพูดถึงโครงการใหญ่เขื่อนยักษ์อะไรหรอกครับ
ไม่ทันการณ์ และไม่ทันกาล
เอาที่ทำได้ทันทีอย่างนี้แหละ เลือกมาสักเรื่อง หรือสองสามเรื่อง แล้วถกข้อทำให้มันจริงจังสักตั้ง
ดูทีหรือว่าปีหน้าชาวบ้านต้องกลับมาทุกข์ทรมานอย่างนี้อีกหรือไม่
ที่ประกาศไว้ใหญ่โตตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บกันก็ได้
ถ้าหนนี้ลงมือทำจริงจนเห็นได้กับตา
เช่นเดียวกันกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจถดถอยหรือตกต่ำ ที่คนในรัฐบาลมักจะเรียกกันให้รื่นหู (ตัวเอง) ว่า เศรษฐกิจขยายตัวช้า
ลำพังปัญหาโครงสร้างดั้งเดิม บวกเข้ากับค่าเงินบาทที่แข็งเกินจริงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี่ก็สาหัสอยู่แล้ว
เจอไวรัสอู่ฮั่นเข้าไป การท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์ขับดันเศรษฐกิจเครื่องสุดท้ายก็ส่อเค้าดับๆ ติดๆ
เตรียมคิดเตรียมทำอะไรรองรับไว้หรือยัง
ไทยเที่ยวไทยให้มากขึ้นจะเป็นจริงอย่างที่หวังไหม
มีตลาดใหม่หรือตลาดเก่าที่ไหนจะมาทดแทนตลาดจีนที่หดหายไปในระยะสั้นได้บ้าง
ระหว่างนี้จะปรับปรุงหรือยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะความสะอาด ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และทำให้ผลประโยชน์กระจายลงไปถึงชุมชนลงไปถึงชาวบ้านอย่างไร
ไม่เฉพาะภาคท่องเที่ยวหรอกครับ ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการอื่นๆ ก็ต้องขยับ
หรือรัฐต้องไปช่วยให้เขาขยับให้ได้
ถ้าไม่อยากเดินวนกันอยู่ในบ่อน้ำครำเหมือนที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้ คิดได้ทำได้ ไม่เหลือวิสัยที่จะทำทั้งสิ้น ถ้าอยากทำ
เมื่อทำแล้วก็ต้องไม่บ่น ไม่โยนผิดโยนบาปให้คนอื่นเวลาไม่ได้ดังใจ
เพราะไม่ได้มีใครเอาเกี้ยวเอาคานไปเชิญไปหามเข้ามา
เอ๊ะ-หรือว่าเผลอคิดอย่างนั้นอยู่
และถ้าเหนื่อยนัก จะเปิดหมวกอำลาไป
ก็คงมีคนอนุโมทนาให้