ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 31 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
เป็นเรื่องควรโกรธและต้องโกรธ
กับ “ท่าที” ของรัฐบาลในการรับมือไข้หวัดอู่ฮั่นครั้งนี้
ที่ออกทีวีรวมการเฉพาะกิจ (พูดคนเดียว) ก็พอใช้ได้อยู่หรอก
ระบบคัดกรองและรักษาผู้ป่วยของกระทรวงสาธารณสุขก็ยังอยู่ในระดับที่น่าชมเชย (แต่ก็อยู่แค่กระทรวงเดียว และเป็นปลายทางคอยตั้งรับด้วย ส่วนอื่นๆ เช่นกัน จำกัดนักท่องเที่ยวจากแหล่งต้นตอยังไม่ทำ อาจจะเพราะเสียดายเงิน)
แต่อย่าลืมว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตและความเป็นความตาย
มันย่อมต้องมีข้อวิตกกังวล มีความสงสัย มีความไม่มั่นใจ ไม่เชื่อใจ เป็นปกติตามธรรมชาติอยู่แล้ว
คนเป็นรัฐบาลนอกจากจะต้องจัดการกับตัวปัญหา
แล้วยังต้องสร้างความเชื่อมั่น ขจัดปัดเป่าข้อสงสัยหรือความไม่เข้าใจของคนส่วนใหญ่ (ที่ไม่ได้เข้าถึงข้อมูลวงใน ซึ่งอาจจะกลวงโบ๋) แบบพวกท่าน
นี่คือหน้าที่และความรับผิดชอบนะครับ
แค่รัฐมนตรีเล่นโซเชียลแล้วทำให้คนวิตกกังวล เกิดความเครียดมากขึ้น
นี่ก็ผิดแล้ว
ยังดีที่กลับตัวไว ไม่ทำอะไรที่เหมือนราดน้ำมันใส่กองไฟอีก
ส่วนเรื่อง”เตรียมการมาตั้งเดือน”อะไรนั่น
เข้าใจได้
ว่าเป็นเรื่องของความปากไว เป็นอีโก้ของคนที่เชื่อมั่นตัวเองว่าฉลาดเก่งกาจไปหมดทุกเรื่อง
แต่เมื่อไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน
ก็หยวนๆ กันไป
เอาไว้อำกันขำๆ เล่นก็พอ
แต่สองกรณีหลังนี่เป็นเรื่องรับไม่ได้
และถ้าไม่จัดการแก้ไขอะไรก็จะเป็น “ตราบาป” ติดตัวต่อไปอีกนาน
เรื่องแรกคือกรณีที่มีนักข่าวถามนายกรัฐมนตรีว่า จะสามารถไปรับคนไทยที่ตกค้างในอู่ฮั่นและในประเทศจีนได้เมื่อไหร่-อย่างไร
แทนที่จะตอบอย่างมีสติแบบที่ทำในตอนหลัง
ว่าการจะเอาเครื่องบินรับคนข้ามประเทศ จะต้องมีการติดต่อประสานงาน จะต้องได้รับอนุญาตจากประเทศปลายทางก่อน
ผ่าโพล่งตอบในทันใดว่า ไม่เห็นมีใครอยากกลับ ไม่เห็นมีใครติดต่อสถานทูตมา
???
ตอบเหมือนไม่เคยมีใครไปกระซิบหรือรายงานว่า
คนไทยที่ติดอยู่ที่อู่ฮั่นจำนวนไม่น้อย พยายามดิ้นรนหาทางจะกลับบ้านให้ได้
แต่กลับไม่ได้
ถึงขนาดมีคลิปของคนที่ติดต่อไปสถานกงสุล
แล้วได้รับคำตอบว่าช่วยอะไรไม่ได้
ให้พยายามไปหาเครื่องบินกลับเอาเอง!!
ยังไม่นับข่าวของคนอื่นกลุ่มอื่นที่สื่อในไทยนี่แหละรายงานกันอย่างอื้ออึง
โดยเฉพาะที่มีรายงานมาก่อนหน้าว่าสถานกงสุลระบุเองว่า ยังไม่มีคำสั่งใดๆ จากรัฐบาลมาถึง
เข้าใจว่าคงรู้ว่าพลาดอยู่เหมือนกัน
อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา โฆษกรัฐบาลถึงต้องออกมาแก้ตัวให้
ว่าพร้อมไปรับคนที่อยากกลับบ้าน รอแค่ทางการจีนอนุมัติเท่านั้น
แต่ก็ช้าไปแล้ว
เท่านั้นยังไม่พอ
อีกวันหนึ่งยังมีข่าวว่าคณะนายทหารเรือที่ไปดูการต่อเรือดำน้ำจีนที่อู่ฮั่น กลับถึงประเทศไทยแล้วโดยปลอดภัย
ด้านหนึ่ง คนก็ดีใจที่คนไทยด้วยกันไม่เป็นอะไร
แต่อีกด้าน คนก็ตั้งข้อสงสัยว่าถ้ากลุ่มนี้ที่อยู่ถึงขนาดใจกลางของต้นตอโรคระบาดยังกลับมาได้
คนอื่นทำไมยังกลับไม่ได้
จะบอกว่าคณะนี้กลับมาโดยเครื่องบินพาณิชย์
แต่ถามจริงๆ เถอะว่า ถ้าไม่มีกลไก เส้นสายของราชการช่วยเหลือติดต่อ
จะสามารถเดินทางออกมาได้เร็วอย่างนี้หรือไม่
และถ้าช่วยพวกหนึ่งได้ ทำไมไม่ช่วยที่เหลือ
หรืออย่างน้อยก็ต้องแสดงให้เห็น “ความพยายาม” ว่า ได้ลงมือทำงานเต็มที่เต็มกำลังแล้ว
อย่างที่บอกละครับ ว่านี่เรื่องของชีวิตและความเป็นความตาย
ผิดพลาดบกพร่องไม่ได้
เสียหายเรื่องหนึ่งก็พาลจะทำให้เรื่องที่อุตส่าห์ทำดีอื่นๆ ทั้งหลายเสียหายไปด้วยหมด
รัฐบาลเสียหายน่ะไม่เท่าไหร่
แต่ทำให้สังคมระส่ำระสายในยามที่ต้องการความมั่นใจ
มันเสียหายเสียยิ่งกว่า