ฐากูร บุนปาน : รายการขายของมาอีกแล้วครับท่าน

รายการขายของมาอีกแล้วครับท่าน

แต่ไม่รายงานก็ไม่ได้

เพราะนอกจากเป็นความภูมิใจ แล้วยังสะท้อนถึงความพยายามและความพร้อมในการปรับเปลี่ยนตัวเองของเพื่อนร่วมงานในเครือมติชน-ข่าวสด

ที่พอจะทำให้เห็นแสงรำไรที่ปลายอุโมงค์ขึ้นมาบ้างแล้ว

 

หลังจากงานสุมหัวคุยเรื่องดิจิตอล โดยเชิญ “เกจิ” อย่าง คุณมาร์ค บล็อกนัน คุณเล็ก แรบบิทเทล คุณต้า เซียนดาต้า ไซเอนทิสต์ และเพื่อนฝูงมาช่วยให้ความรู้กับเพื่อนร่วมงานในเครือมติชน-ข่าวสดแล้ว

น้องๆ ในฝ่ายดิจิตอลเขาช่วยเปิดกะลาที่ครอบกะโหลกซ้ำให้อีก

ด้วยการบอกว่า ปีนี้ “ทรูฮิต”-หน่วยงานในเครือของเนคเทค ซึ่งทำงานด้านเก็บสถิติเว็บไซต์ในประเทศไทย เขาเพิ่มตารางข้อมูลใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งแล้วรู้ไหม

เป็นสถิติค่าเฉลี่ยของทุกเว็บในประเทศตั้งแต่ต้นปี จนกระทั่งถึงวันปัจจุบัน

ตัวอย่างเช่น วันที่เขียนต้นฉบับนี้คือ 24 มกราคม

จำนวนคนดูเฉลี่ยต่อวันของเว็บไซต์ข่าวสดตั้งแต่ 1-23 มกราคม ก็คือ 1,105,944 คน

ปาดหน้าเว็บใหญ่เจ้าตลาดดั้งเดิมอย่างสนุก (1,024,621 คน/วัน) หรือกระปุก (966,801 คน/วัน) ไปแล้ว

โดยมีเว็บไซต์มติชนอยู่อันดับ 15 ของทุกเว็บในประเทศที่สถิติผู้ชม 283,725 คน/วัน

และเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจอยู่อันดับ 42 จากทุกเว็บที่สถิติผู้ชม 125,382 คน/วัน

ตัวเลขนี้สำคัญยังไง?

 

ก็ต้องอ้างอิงตัวเลขจากทรูฮิตอีกที

ในวันที่ 23 มกราคม มีคนคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์ในประเทศไทยทั้งสิ้น 13,958,293 คน

ถ้าเอาตัวเลขเฉลี่ยผู้ชมเว็บของข่าวสด-มติชน-ประชาชาติธุรกิจ บวกกันคือ 1,515,051 คน

แปลว่ามากกว่าร้อยละ 10 ของผู้ชมเว็บในประเทศนี้เป็นแฟนประจำแน่นเหนียวของเครือมติชน-ข่าวสด

นี่ขนาดยังไม่นับ 4 เว็บนิตยสารอย่างมติชนสุดสัปดาห์-ศิลปวัฒนธรรม-เส้นทางเศรษฐี-เทคโนโลยีชาวบ้าน รวมเข้ามาด้วยนะครับ

และยังไม่นับว่ามีแฟนอีกจำนวนหนึ่ง (ที่ดูเหมือนจะมากกว่าในเว็บ) ในโซเชียลมีเดีย

เพราะลำพังสถิติการ “ไลฟ์” ในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม ก็ทะลุ 33 ล้านวิว หรือมีคนดูมากกว่า 33 ล้านคนไปแล้ว

สัปดาห์แรกของปีอยู่ที่ 17 ล้าน

สัปดาห์ต่อมาอยู่ที่ 16 ล้าน

ถ้ายังติดตามรับชมกันแน่นเหนียวขนาดนี้

ตัวเลขรวมต่อเดือนก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 60-70 ล้านคน

 

ทําไมต้องตื่นเต้นหรือเห็นตัวเลขพวกนี้เป็นข่าวดี

ก็เพราะในขณะที่กิจการด้านสิ่งพิมพ์ลีบเรียวลง จนกระทั่งลงมาถึงจุดที่ไม่ตก แต่ก็ไม่โตอีกต่อไปแล้ว

ทางรอดของสื่อ-โดยเฉพาะในเครือที่ไม่ได้ประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์อย่างมติชน-ข่าวสด-ก็คือโลกดิจิตอลนี่แหละครับ

มีผู้อ่านมากขึ้น เพิ่มขึ้น ก็แปลว่าโอกาสที่จะไปเสาะแสวงหาผู้สนับสนุนเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

ยิ่งมีสถิติบอกว่า 2559 คือปีแรกที่คนไทยใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากกว่าใช้เวลากับหน้าจอโทรทัศน์ (3 ชั่วโมง 3 นาที/2 ชั่วโมง 44 นาที)

แนวโน้มก็คือ การสื่อสารและการโฆษณาประชาสัมพันธ์จะค่อยๆ ย้ายหรือถ่ายจากจอเดิมมาสู่จอใหม่มากขึ้น

เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นแล้วกับที่อื่นๆ ในโลก

 

ในฐานะผู้ประกอบการสื่ออย่างสุจริต

ไม่มีรายได้อื่นนอกเหนือจากการขายหนังสือ ขายโฆษณา

ไม่ได้มีใครมาโยนเป็นก้อนเป็นกอบเป็นกำให้ ไม่ได้มีใครมาซื้อไปอย่างที่ชอบปล่อยข่าว

เห็นขอนไม้ลอยน้ำก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา

ยิ่งในวันที่ความเปลี่ยนแปลงทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ทั้งนอกประเทศ ในประเทศผันผวนจับทิศจับทางได้ยากอย่างนี้

ให้เป็นข่าวดีเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดีกว่าข่าวเก่าหรือข่าวที่ดูแล้วซ้ำซากจำเจเบื่อหน่าย

และสำหรับคนทำงานแล้ว

อะไรจะชื่นใจไปกว่างานที่ทำได้รับความชื่นชอบชื่นชมจากลูกค้า-ผู้มีอุปการะเป็นไม่มี

ฉะนั้น ช่วยกันเฆี่ยนตีด้วยความเมตตาให้ได้ทำหน้าที่ให้บกพร่องน้อยที่สุดเช่นนี้ต่อไป

อะไรผิดก็ชี้แนะสั่งสอน เป็นเพื่อน เป็นครู เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน

เหมือนที่เคยกรุณามาโดยตลอดเถอะครับ