ฐากูร บุนปาน : กราบส่งคุณป้าอีกครั้งตรงนี้ และ 40ปี มติชน ต่อไป

ตั้งใจเอาไว้แต่แรกว่าจะเขียนเรื่อง “มติชน 40 ปี Moving Forward” ภาคใหม่

แต่ถึงเวลานี้ขอเอาไว้ตอนท้าย

ถ้ายังพอมีที่ทางเหลือ

เพราะที่จะไม่เขียนถึง “ป้าหมอ” พญ.โชติศรี ท่าราบ เห็นจะไม่ได้

 

ก่อนที่จะรู้จักว่าท่านคือ “จิ๋ว บางซื่อ” นักวิจารณ์ดนตรีคลาสสิค “ณ เพ็ชรภูมิ” นักเขียนเรื่องสั้น “แกลตา” นักวิจารณ์ภาพยนตร์

หรือ “หนูเหน็ง” วิจารณ์หนัง

จนกระทั่งถึง “เนือง” ผู้ทำหน้าที่ยามภาษา จนกระทั่งมือเขียนหนังสือไม่ไหว

ก็ได้รู้จักป้าหมอก่อนแล้วในฐานะแพทย์ประจำวิทยาศรมที่ราชดำเนิน

ในฐานะผู้ติดตามย่าที่ไปรักษาตัว โดยมีป้าหมอเป็นผู้ดูแล

ด้วยวัยและศักดิ์ของท่าน ความจริงน่าจะต้องเรียกท่านว่า “ย่าหมอ” ตามน้องสาว

แต่เพราะหลุดออกมาทำหนังสือพิมพ์ ไปสัมผัสสัมพันธ์กับคนรุ่นใกล้เคียงกับท่าน

แล้วเผลอเรียกท่านเหล่านั้นว่าอาลุง ตามประสานักข่าว

ก็เลยพลอยเรียกป้าหมอว่าป้าหมอ

 

ป้าเป็นนักศึกษา ในมุมที่ว่าเรียนอะไรก็ต้องเรียนให้จริงตลอดชีวิต

เพราะฉะนั้น เมื่อมาเป็นนักเขียนนักวิจารณ์ ก็จะมีหลักมีมุมมองให้ยึดให้จับ

และมีเกร็ดให้อ่านสนุกอ่านเพลิน

หนังสือเล่มแรกของท่านที่อ่านจบหน้าแรกยันหน้าสุดท้าย ไม่ยักใช่ “บรรเลงรมย์” ที่พิมพ์แล้วพิมพ์อีกหลายหน

จนแม้แต่คนที่ไม่รู้เรื่องดนตรีคลาสสิคอ่านแล้วก็เหมือนฟังเสียงและเห็นภาพ

แต่เป็น “นายโจรหนุ่ม” หนังสือรวมกาพย์ที่แปลจากโคลงฝรั่งเรื่อง The Highwayman

ที่ท่านทำไว้ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา

แต่มาพิมพ์รวมเล่มจริงจังเมื่อครั้งฉลองอายุครบ 60 เมื่อปี 2522

ยังจำได้ว่าท่อง “ลมโบกสะบัดแรง ต้นไม้แข็งโยกกิ่งไกว…” และท่อนต่อๆ จากนั้นไปอีกหลายหน้า

แอบเรียนวิธีเขียนกาพย์มาจากหนังสือเล่มนี้ด้วย

ก่อนหนังสือจะสาบสูญไปจากบ้าน ด้วยปัจจัยสองประการคือเพื่อนเยอะและหนังสือเยอะ

ฉะนั้น เมื่อลูกหลานของท่านตัดสินใจจะพิมพ์นายโจรหนุ่มอีกหน

ถึงจะใจหาย ก็ยังมีอะไรวิบวิบในใจอยู่บ้าง

 

ขออนุญาตไม่พูดถึงประวัติของท่านผู้วายชนม์

เพราะเชื่อว่าอ่านได้จากที่อื่นอยู่แล้ว

ว่าท่านเป็นลูกใคร มีบทบาทอย่างไรในประวัติศาสตร์

พี่เขยหรือหลานชายของท่านคือใคร และมีบทบาทอย่างไรในประวัติศาสตร์จนกระทั่งปัจจุบัน

มีแต่ความคารวะอาลัย

ทั้งในน้ำใจ ในเมตตา ในอารมณ์ขัน ในความเป็นผู้ใหญ่ที่แท้

ป้าหมอลาโลกเมื่อวันก่อนสิ้นปี วันที่อากาศกลับมาเย็นจนถึงยะเยือกไปทั่วประเทศ

เหมือนท่อนหนึ่งของกาพย์ที่ตีพิมพ์ในงานไว้อาลัย

“ยามค่ำคืนหน้าหนาว เกิดเรื่องราวประหลาดหนอ

เขาพูดกันต่อต่อ พอจะเล่าสู่กันไป

ลมโบกสะบัดแรง ต้นไม้แข็งโยกกิ่งไกว

เดือนส่องแสงนวลใย ใสสว่างกลางเวหา…”

กราบส่งคุณป้าอีกครั้งตรงนี้

dvdvdve

กลับมาเรื่องที่เกริ่นเอาไว้เมื่อตอนต้น

ซึ่งก็คงพูดถึงได้หน่อยหนึ่ง

แล้วเก็บรายละเอียดส่วนใหญ่เอาไว้ทำมาหากินครั้งหน้า

ประเด็นสั้นๆ ที่อยากรายงานนั้นมีว่า

หลังจากปรับและขยับตัวทั้งเล็กและใหญ่มาร่วม 2-3 ปี

บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เครือมติชนจะลุกขึ้นมาประกาศอีกครั้งว่า

ทิศทางที่จะเดินไปข้างหน้านั้นแน่วแน่ ชัดเจน

และสอดคล้องกับแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของโลก

คือเส้นทางดิจิตอล

ในขณะที่สิ่งพิมพ์เรียวลง แต่ยังไม่ตาย

ด้วยอานิสงส์ของสังคมผู้สูงอายุ และการจัดเก็บข้อมูลในระบบกระดาษยังคงอยู่

ทางที่กว้างกว่า มีคนร่วมเดินมากกว่า (และดูท่ามากขึ้นเรื่อยๆ)

ก็คือเส้นทางสื่อดิจิตอล

ไม่ว่าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ถูกจับมาขยำรวมกันหมดอยู่ในโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กๆ

(หรืออาจจะเป็นวัสดุเครื่องใช้อื่น ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า)

เครือมติชนมาแล้ว

และจะด้วยโชคช่วย หรือด้วยการทำงานอย่างหนักและต่อเนื่องของเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่

มายืนอยู่ที่แถวหน้าด้วย

ไม่ใช่อวดโอ้หรือจะมาอ้างอะไรนะครับ

แต่เอาไว้เตือนตัวเองกับผองเพื่อน

ว่าสนามรบนั้นเปลี่ยนเร็วนัก

วันก่อนไม่ใช่เรา วันนี้คือเรา

พรุ่งนี้อาจจะเป็นใครก็ได้

อย่างนี้ทำงานสนุกตาย

และมีเรื่องให้คุยกันได้อีกยาว