ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 พฤศจิกายน - 6 ธันวาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
กราบเรียนแบบออกตัวไว้ก่อนว่า
ไม่ได้จะมาติเรือทั้งโกลน หรือตั้งหน้าตั้งตาค้านกันแบบตะบัน
แต่เป็นการตั้งข้อสังเกตกับมาตรการอัดฉีดล่าสุดของรัฐบาล
เอาที่มาที่ไปของเรื่องก่อน
ใครๆ ก็รู้กันอยู่ว่าตอนนี้เศรษฐกิจติดลมบน คือดีแต่ข้างบน
รวยกระจุก ขัดสนกระจาย
(ไม่กล้าใช้คำว่าจน เดี๋ยวจะเสียดแทงใจกันเกินไป-555)
ไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้านี้ คุณเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ ให้สัมภาษณ์ด้วยความสุภาพอย่างที่สุดว่า
อนาคตอันใกล้นี้น่าวิตกนัก ขอให้ทุกคนเตรียมตัวอยู่ในที่ตั้งด้วยความไม่ประมาทเถิด
ช่วงเวลาใกล้กัน มีคนไปสอบปากคำประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ ของเครือซีพี เรื่องร้านเซเว่น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ยอดขายลดลงจริงหรือไม่
ท่านอธิบายยาวนิด ก่อนจะแถมท้ายไว้ให้หน่อยหนึ่ง แบบเกรงใจบางคนบางองค์กรว่า
“แต่ปีนี้ กำลังซื้อลดไปจริงๆ”
และล่าสุด
ประชาชาติธุรกิจรายงานข่าวว่า ยอดขายเบียร์ของสองยักษ์ใหญ่สิงห์ (ลีโอ)-ช้าง ในปีนี้จะลดลง
อื้อหือ
จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลทุ่มเงินลงมาอีกกว่า 100,000 ล้านบาท
อัดฉีดให้กับรากหญ้าโดยเฉพาะ
มีทั้งเพิ่มเงินให้บัตรคนจน เพิ่มเงินให้คนชรา ข้าราชการบำนาญ
ท่านโฆษกรัฐบาลบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองจริงจิ๊ง
เพราะมาตรการทั้งหลาย ไม่ได้คิดเมื่อวานแล้วอนุมัติวันนี้
ด้านหนึ่งก็จริงของท่าน
แต่จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองเลย ก็เหมือนดูถูกคนฟังเกินปายยยย
เพราะในทางการเมือง รัฐบาลทั้งโลกละครับอัดฉีดเงินก่อนเลือกตั้ง
กรณีที่เกิดขึ้นหมาดๆ และฮือฮาที่สุดก็คือ นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก ของมาเลเซีย อัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อกลางปีนี้
ซึ่งทุกท่านทราบผลอยู่แล้วว่าพรรคอัมโนที่เป็นพรรครัฐบาล พ่ายแพ้อย่างย่อยยับให้กับพรรคผสมของอันวาร์ อิบราฮิม-มหาธีร์ โมฮัมหมัด
แต่ที่คล้ายคลึงอะไรกันเช่นนั้นกับมาตรการของรัฐบาลไทยหนนี้
ก็คือ พุ่งเป้าไปที่คนชรา ข้าราชการเกษียณ และผู้มีรายได้น้อย
ทำไมต้องเป็นคนชรา
คำตอบก็คือ สถิติการเลือกตั้งทั่วโลก กลุ่มที่ออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งมากที่สุดคือผู้สูงวัย หรือผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป
ไทยเป็นอย่างนี้ มาเลเซียก็อย่างนี้
เบร็กซิทของอังกฤษก็เกิดขึ้นได้ด้วยเหตุนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งอเมริกาก็เพราะคนกลุ่มนี้
การเอาใจคนแก่จึงสำคัญฉะนี้
ด้วยความสัตย์จริง
เพื่อประโยชน์ของพี่น้องร่วมชาติ ก็อยากให้มาตรการนี้ของรัฐบาลประสบความสำเร็จ
เพราะเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจเหมือนที่ท่านโฆษกรัฐบาลพูดไว้นั่นละครับว่า
การที่ชาวบ้านรับเงินใคร ไม่ได้แปลว่าจะต้องลงคะแนนเสียงให้คนแจกสตางค์
ซึ่งจริงแท้
ไม่ต้องดูที่ไหนไกล
เลือกตั้งสองสามหนล่าสุด ไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย ซึ่งแทบไม่ได้ออกอาวุธ (เพราะออกอาวุธไม่ได้ เนื่องจากอำนาจรัฐอยู่อีกฝ่าย หรือเพราะเจ้าของพรรคขี้เหนียวก็ตามที-555) จะต้องแพ้เลือกตั้งอย่างแน่นอน
แต่ผลกลับตรงข้าม
หรือกรณีเลือกตั้งมาเลเซีย
ก็ชัดเจนอยู่
มาตรการนี้จะสำเร็จไหม
อย่างที่บอกแล้วว่าเอาใจช่วยให้ทำได้
แต่ที่ต้องเอาใจช่วยก็เพราะห่วงว่า เงินทั้งหมดที่ใช้
จะเหมือนหยดน้ำลงกลางทะเลทราย
เพราะไม่ได้ลงไปถึง-ไปแก้ต้นตอปัญหาจริงๆ
อย่างเช่น ราคาพืชผลตกต่ำ โครงสร้างที่ผู้มีรายได้น้อยเสียเปรียบขาใหญ่
(ซึ่งถึงจะไม่ตั้งใจเอาเปรียบ แต่ก็ได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ เช่นซื้อของราคาเท่ากัน คนมีเงินมากกว่าย่อมรู้สึกว่าราคาถูกกว่า รวมไปถึงอำนาจต่อรองอื่นๆ เช่น การทำให้ภาษีที่ดิน-ที่ควรจะเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้ กลายเป็นภาษีเด็กเล่น)
ยังไม่นับความอืดความหนืดของระบบราชการ ที่เป็นปัญหามาตลอด
(เพราะดันกลับหัวกลับหางหลักการทำงาน-บริหาร ด้วยการเอาผู้สอบบัญชีนำหน้ามีอำนาจชี้นิ้วสั่งการซีอีโอและผู้ลงมือปฏิบัติ และก็ยังไม่เคยแก้หรือไม่กล้าแก้ เพราะร่วมหัวจมท้ายกันมาแต่ต้นตั้งแต่ยึดอำนาจ จนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่)
ลองเดาๆ ดูก็แล้วกัน
ว่าเงินอัดฉีดงวดใหม่จะมีผลทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอย่างไร
รู้แล้วก็แอบกระซิบบอกกันด้วยนะครับ