ฐากูร บุนปาน : บทสนทนากับ “วิชัย ศรีวัฒนประภา”

ในช่วง2สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่ในความสนใจของคนทั่วไปสองเรื่องด้วยกัน

เรื่องแรกคือ การเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุอย่างไม่คาดฝันของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของและประธานเครือคิง เพาเวอร์

แต่คนทั่วไปจดจำได้มากกว่าในฐานะเจ้าของและประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้

ความเป็นตำนานแบบเทพนิยายของเลสเตอร์ ซิตี้ คงไม่ต้องเอามาขยายต่อตรงนี้

เพราะมีท่านผู้รู้ ผู้อยู่วงในใกล้ชิด ผู้รักกีฬาฟุตบอลทั้งหลาย เขียนถึงเอาไว้ตั้งแต่ครั้งสโมสรชนะเลิศพรีเมียร์ลีกของอังกฤษอย่างไม่มีใครคาดคิดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

มาจนกระทั่งเมื่อคุณวิชัยถึงแก่กรรมอย่างไม่คาดฝันคราวนี้

มีแต่เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ มาประกอบเรื่องนี้

ย้อนไปถึงฤดูกาลก่อนหน้าที่จะชนะเลิศ

ฤดูกาลแข่งขันนั้นเลสเตอร์ที่เพิ่งขึ้นมาจากดิวิชั่น 1 สู่พรีเมียร์ลีกได้ 2 ปี มีอาการเจียนอยู่เจียนไป

อยู่ในพื้นที่ตกชั้นแทบตลอดฤดูกาล

ตอนที่พบกันนั้นเป็นช่วงก่อนปีใหม่ พอถามคุณวิชัยว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ต้องเปลี่ยนตัวไนเจล เพียร์สัน ผู้จัดการทีมเป็นคนอื่น เพื่อให้ผลงานของทีมดีขึ้นไหม จะเข้าไปดูแลช่วยเหลือจัดการเหมือนเจ้าของหรือประธานสโมสรคนอื่นๆ เวลาที่ทีมเกิดวิกฤตไหม

คุณวิชัยหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบว่า ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร ใครมีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไปให้เต็มที่

ประธานก็จัดการเรื่องบริหาร เรื่องเงินไป

ผู้จัดการทีมก็จัดการเรื่องทีมหรือการเล่นไป

“ผมรู้เรื่องฟุตบอลดีกว่าเขาหรือถึงจะลงไปทำทีมเอง”

จบฤดูกาล เลสเตอร์ ซิตี้รอดตกชั้น

แต่ทีมที่อยู่อันดับเหนือกว่า แล้วประธานสโมสรลงไปจัดการแทนผู้จัดการทีม (ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม เอาเป็นว่าเจ้าของทีมก็อยู่ใกล้ๆ เมืองไทยนี่แหละ) ตกชั้นไปแทน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “สติ” นั้นสำคัญ

ไนเจล เพียร์สัน ทำทีมรอดตกชั้น

แต่ถูกปลดในอีกไม่กี่เดือนต่อมา เพราะตอนมาทัวร์เมืองไทย ลูกชาย (ที่เป็นนักฟุตบอลในทีมอยู่ด้วย) จัดปาร์ตี้เซ็กซ์กับหญิงไทย แล้วถ่ายคลิปออกเผยแพร่ไปทั่ว

ผู้จัดการทีมที่คุมลูกทีมให้อยู่ในกรอบไม่ได้ ก็ทำงานต่อไม่ได้

นิทานเรื่องนี้ บอกว่า “วินัย” เป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้เป็นใหญ่

แต่พอปีต่อมา เมื่อไปซื้อทีมในดิวิชั่น 2 ของเบลเยียม คุณวิชัยติดต่อไนเจล เพียร์สัน ให้กลับไปเป็นผู้จัดการทีมที่เพิ่งซื้อมาใหม่นี้แบบไม่ต้องคิดมาก

ไนเจล เพียร์สัน ก็รับงานด้วยความยินดี และทำงานเต็มที่จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ทีมเล็กๆ ทีมนั้นเฉียดๆ จะขึ้นดิวิชั่น 1 เบลเยียม

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “มืออาชีพ” เขาทำงานกันยังไง

และวิธีจัดการกับมืออาชีพ นอกจากความเป็นมืออาชีพด้วยกันแล้ว ยังต้องมี “ใจ” ให้กันด้วย

ที่นิทานสอนๆ มานั้น คุณวิชัยท่านมีอยู่ครบ

ความสูญเสียที่มาถึงในเวลาอันไม่ควรสูญเสียจึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย

ขอให้ท่านไปสู่สุคติ

อีกเรื่องหนึ่งที่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไป (แม้กระทั่งในเวลาที่เขียนต้นฉบับชิ้นนี้)

ก็คือปฏิกิริยาตอบสนองของคนทั้งไทยและเทศต่อเพลงแร็พ “ประเทศกูมี”

นับเฉพาะผู้ชมในมิวสิกวิดีโอหลักเมื่อเวลา 11.52 น. ของวันพุธที่ 7 พฤศจิกายน ก็ 29,819,585 ครั้งเข้าไปแล้ว

ยังไม่นับในวิดีโออื่นๆ ทั้งไทยและเทศ ที่นับคร่าวๆ แล้วก็อีกเฉียดๆ 10 ล้าน

แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าตัวเลขก็คือ ปฏิกิริยาและความคิดเห็น (ทั้งหนุน-ค้าน ชื่นชม-เหยียดหยาม) ที่มีต่อเพลงแร็พชิ้นนี้

ข้อสังเกตเล็กๆ ประกอบการพิจารณามีอยู่ว่า

ถ้าเพลงแร็พเพลงนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง

ถามว่าปฏิกิริยาตอบสนอง การวิพากษ์วิจารณ์ ความสนใจของสังคมจะถล่มทลายเช่นนี้หรือไม่

เนื้อนาบุญอะไรที่ทำให้เพลงแร็พเพลงนี้กระหึ่มสังคมขึ้นมาได้

ท่านผู้มีอำนาจตอบไม่ได้นี่โอกาสแพ้เลือกตั้งสูงมากนะครับ