ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 31 สิงหาคม - 6 กันยายน 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
กรณีการบาดเจ็บปางตาย ถึงขนาดยังนอนไม่ได้สติ ไม่รู้สึกตัวของพลทหารคชา พะชะ สังกัด ร.31 พัน 3 รอ.
ไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดเหตุการณ์ใช้กำลังรุนแรงกับทหารเกณฑ์ในค่ายทหารของปีนี้
และไม่มีใครกล้ายืนยันได้ด้วยว่าจะเป็นกรณีสุดท้ายหรือไม่
จะมีกรณีเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นในรั้วทหารอีกมากน้อยเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ได้
แต่กรณีที่ปรากฏเป็นข่าว เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ยิ่งมาก็ยิ่งมากขึ้นเป็นลำดับ
โดยเฉพาะตั้งแต่โซเชียลมีเดียได้รับความนิยมแพร่หลาย
ไม่ว่ากรณีการใช้กำลังเหล่านี้ สาเหตุจะเกิดขึ้นเพราะอะไร
– การซ่อม (หรือเรียกเสียเพราะพริ้งว่าธำรงวินัย)
– การทะเลาะกันเองตามประสาวัยรุ่น (อย่างที่ผู้บัญชาการทหารบกระบุล่าสุด)
– หรือรุ่นพี่หมั่นไส้ เลย “รุมตื้บ” รุ่นน้อง
ฯลฯ
ก็มีประเด็นต่อเนื่องให้พิจารณาหลายประการด้วยกัน
1. ไม่ว่าเรื่องจะเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใด
การใช้กำลังในค่ายทหารกลายเป็น “ความปกติ” อย่างหนึ่ง
เคยมีท่านผู้ควบคุมค่ายทหารออกมาพูดเมื่อเกิดเรื่องทำนองนี้ว่า ทหารมีหน้าที่ต้องรับฟังคำสั่ง เพราะถึงเวลาสงคราม การแตกแถวของคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง อาจจะส่งผลถึงการแพ้สงคราม
ก็ใช่
แต่ไม่ได้หมายความว่า การสอน-กล่อมเกลา-สร้างบรรยากาศให้เกิดการเชื่อฟังคำสั่ง ต้องใช้กำลังเพียงอย่างเดียว
จนกระทั่งกลายเป็น “ความเคยชิน” ของคนทุกระดับ
การเป็นหัวหน้าใหญ่ สั่งซ้อมทุกคนได้หมด
หรือเป็นรุ่นพี่ รุมตื้บไอ้เณรรุ่นหลังได้
ไม่ได้ช่วยให้เกิดการ “เชื่อฟังคำสั่ง” ขึ้นมา
หลายครั้งมีแต่สร้างปัญหาเพิ่มขึ้น
ทั้งระดับความคับแค้นส่วนตัว
และภาพของทหารที่ปรากฏต่อสายตาคนภายนอก
2.มีคนจำนวนมากตั้งคำถามว่า ยังจำเป็นต้องมีทหารเกณฑ์อยู่อีกหรือไม่ในโลกปัจจุบัน
ที่การสู้รบตัดสินกันด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และการใช้อาวุธทางไกล
มากกว่าที่จะใช้กำลังทหารเข้าประจัญบาน
สำหรับสังคมขนาดย่อมๆ เศรษฐกิจขึ้นๆ ลงๆ ตามประสาประเทศกำลัง (ด้อย) พัฒนา
เอาทั้งสองอย่างพร้อมกันนี่ไม่ไหวหรอกครับ
ทั้งจะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ดีๆ
ทั้งจะมีกำลังทหารเยอะๆ
ถามว่าประเทศไทยมีเงิน มีงบประมาณขนาดนั้นหรือ
ถ้าไม่มี ก็ต้องเลือกว่าจะเดินทางไหน
ถ้าโลกไปทางเทคโนโลยี แต่พี่ไทยยังงมโข่งจะเอาแต่ให้มีทหารเยอะๆ
ก็สวัสดี
และถ้ากลัว (ด้วยความบริสุทธิ์ใจ) ว่า ถ้าไม่มีทหารระดับล่างเลย เดี๋ยวงานของกองทัพจะสะดุด
ก็มีท่านผู้รู้เสนอทางเลือกไว้อีกตั้งหลายอย่าง
เช่น
– รับสมัครทหารอาชีพไปเลย
เสริมด้วย
– อบรมคนทั้งประเทศให้เข้าใจวิชาทหาร แล้วระดมพลในยามจำเป็น
ทหารระดับล่างจะได้ปฏิบัติหน้าที่ทหาร
ไม่ใช่มาเป็นคนรับใช้ในบ้าน “นาย”
หรือเป็นที่รองรับมือตีนของใคร
3.และถ้าหากท่านผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลาย เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจเหมือนที่ท่านพูดออกมาว่า
ทหารเป็นอาชีพมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
แม้กระทั่งการเป็นทหารเกณฑ์ก็มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
ก็มีข้อสังเกตตามมาว่า ทำไมไม่เห็นลูกชายของคนใหญ่คนโตหรือผู้บังคับบัญชาในกองทัพ มาเป็นทหารเกณฑ์กันบ้างเลย
ถ้าดีจริงไรจริง
จะมาเป็นไอ้เณรเสมอหน้ากับลูกตาสียายสา ลูกชาวบ้านทั่วไปไม่ได้หรือ
เรื่องแบบนี้ ท่านพูดเราจะฟัง
ท่านทำเราถึงจะเชื่อ
4.และต้องตระหนักด้วยว่า ทุกครั้งที่มีเหตุมีข่าวทหารเกณฑ์ตายหรือเจ็บ
ศักดิ์ศรีเกียรติภูมิที่กองทัพภูมิใจก็หมองลงไป
ไม่เชื่อก็ลองตรวจสอบโลกโซเชียลดูเอาเถอะครับ
ถ้าไม่คิดว่านี่คือปัญหา ก็ไม่เป็นไร
ปล่อยไว้
ปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นเรื่อยๆ
เดี๋ยววันหนึ่งความเปลี่ยนแปลงก็มาถึงเหมือนกับทุกเรื่อง
แต่ถ้ารู้สึกว่านี่คือปัญหา
ก็ต้องแก้
และแก้อย่างรีบด่วนด้วย
เพราะปัญหาของกองทัพไม่ได้มีแค่เรื่องทหารเกณฑ์
แต่เรื่องทหารเกณฑ์อาจจะเป็นฟางเส้นท้ายๆ บนหลังอูฐได้
ไม่ต้องเชื่อนะครับ
ลองกลับมาส่องตัวเองด้วยใจอันแยบคายดูเถิด