ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 กรกฎาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
เพิ่งกลับมาจากการร่วมคณะของธนาคารไทยพาณิชย์ที่เขาเข้าไปเปิดสาขาในเมืองจีนแห่งแรกที่เซี่ยงไฮ้ครับ
ออกไปนอกฟ้ากะลาครอบหนไหน ก็ให้ตื่นตาตื่นใจกับความเป็นไปและความเปลี่ยนแปลงของโลกหนนั้น
ยิ่งกับเมืองจีนหนนี้ยิ่งมีเรื่องให้ตั้งข้อสังเกตและวิตก (แทนอนาคตของสังคมไทย) ไปได้สารพัด
ไม่ได้พูดเล่นนะครับ
เหตุผลที่ไทยพาณิชย์เข้าไปเปิดสาขาที่เซี่ยงไฮ้นั้น
ประเด็นเรื่องจะเชื่อมต่อธุรกิจกับจีนนั่นแน่นอน
แต่เหตุผลที่เขาบอกมาว่าสำคัญไม่แพ้กันก็คือ วันนี้เซี่ยงไฮ้เป็นเหมือนเมืองหลวง “ฟินเทค” ของโลก
ปริมาณธุรกรรมทางการเงินที่ผ่านฟินเทค (คือไม่ผ่านสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม) ของจีน
มากกว่าของสหรัฐอเมริกา 3 เท่า
และเซี่ยงไฮ้คือเมืองที่มี “สตาร์ตอัพ ฟินเทค” อยู่มากที่สุดในโลก
มีนวัตกรรมใหม่ๆ มีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน
ที่เป็นอย่างนั้นได้เพราะมีปัจจัยเอื้ออำนวยจากการที่จีนกระโดดข้ามขั้นของ “สังคมไร้เงินสด” จากบัตรเครดิตไปสู่ธุรกรรมการเงินแบบดิจิตอลผ่านมือถือไปโดยทันที
เมื่อมีตลาด (คือผู้บริโภคจำนวนมหาศาลรองรับ) มีนวัตกรรมที่คิดค้นมาให้ใช้ง่าย (ไม่ว่ากับวัยไหน)
ปริมาณการใช้เงินดิจิตอลยิ่งผลักดันให้การพัฒนาฟินเทคยิ่งก้าวกระโดด
เพราะ “ดาต้า” หรือข้อมูลพฤติกรรมการออม การบริโภค การใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาล
ถูกเก็บไปแยกแยะ วิเคราะห์ แล้วพัฒนาออกมาเป็นนวัตกรรมหรือบริการใหม่ๆ
ที่นอกจากอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้มากขึ้นแล้ว
อีกแง่หนึ่งก็คือกระตุ้นให้เกิดการใช้บริการผ่านนวัตกรรมเหล่านี้มากขึ้นไปด้วย
เหมือนลูกหิมะกลิ้งลงจากเขา
ใหญ่ขึ้นและเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่เฉพาะทฤษฎีโน้มน้าวให้เชื่อไม่ได้ขนาดนี้
ที่ทำให้เกิดอาการ “ขนลุก” อยู่ตรงที่ธุรกิจหรือสถานที่ ซึ่งธนาคารเขานัดหมายให้ไปเยี่ยมชม ฟังบรรยาย และดูตัวอย่างของจริง
เช่น ลูแฟกซ์ บริษัทฟินเทคในเครือผิงอัน ประกันภัยใหญ่ที่สุดในโลก (ที่ซีพีไปถือหุ้นอยู่ 15% แต่ไม่ได้ร่วมบริหารด้วย)
พนักงาน 1,100 คน เป็นพนักงานด้านเทคโนโลยีเสีย 800
รายได้คือ 30,000 ล้านหยวน หรือ 150,000 ล้านบาท ครือกันกับธนาคารขนาดใหญ่ระดับต้นๆ ในประเทศไทย
ซึ่งใช้พนักงานถึง 27,000 คน
เหอหม่า ตลาดสดติดแอร์+ร้านอาหารในเครือของแจ๊ก หม่า-อาลีบาบา ขายแพงแต่ขายดี เปิดมาปีครึ่งขยายไปแล้ว 50 สาขาทั่วประเทศ
สาขาเล็กๆ อย่างที่เราไปดูมีรายได้วันละ 5 ล้านหยวน หรือ 25 ล้านบาท
แน่นอน ระบบชำระเงินของลูกค้าตั้งแต่เด็กเล็กไปยันผู้เฒ่าผู้แก่คือ “โทรศัพท์มือถือ”
สตาร์บัคส์สาขาเซี่ยงไฮ้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีลูกค้าวันละ 10,000 คนเป็นอย่างน้อย และจัดการระบบหลังบ้านด้วยเทคโนโลยีของอาลีบาบา
นิโอ บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่ถอดแบบเทสลามาแทบทุกกระเบียด
แต่มาต่อยอดให้ทำรถได้ใหญ่กว่า แรงกว่า เร็วกว่า
ตบท้ายการดูงานที่หัวเหว่ย
ซึ่งขมีขมันขะมักเขม้นกับการพัฒนาระบบ 5 จี
โลกไปถึงจุดนั้น หัวเหว่ยจะยิ่งเบ่งบานกว่าทุกวันนี้ไปอีกหลายเท่า
ในคณะคนไทยที่ไปร่วมดูงานหรือฟังบรรยายด้วยกัน มีตั้งแต่ที่ไร้เดียงสาเช่นข้าพเจ้า ไปจนถึงท่านที่อัดแน่นด้วยข้อมูลความรู้ เพราะเปิดหูเปิดตารับความเป็นไปของโลกบ่อยกว่า
แต่ทั้งหมดถอนหายใจและปลงเบาๆ ออกมาทำนองเดียวกันว่า
เห็นบ้านอื่นเมืองอื่นเขาพัฒนาเขาเดินก้าวหน้าไปขนาดนี้ (แล้วยังเดินไม่หยุด ด้วยระดับความเร็วที่มีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีลดลง)
แล้วเมืองไทย สังคมไทยจะอยู่ตรงไหนในโลก
เรื่องตามทันเขานั้นคงไม่มีหวัง
เอาแค่เกาะขบวนไปอย่างไรไม่ให้เป็นเบี้ยล่างจนกระทั่งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
ก็ทำให้ได้เถิด
แค่นี้คิดกันตกหรือยังก็ไม่รู้
ยังดันผ่าเอาไม้ไปแหย่เสือ ให้เขาเงื้อจะตะปบใส่
กลัวเจ๊งช้าหรือไง-ที่รัก?