ฐากูร บุนปาน : มหกรรมงานหนังสือ

ได้ฤกษ์เบิกโรงงานใหญ่ของวงการหนังสือที่มีสองหนต่อปีอีกแล้วครับ

13-24 ตุลาคมนี้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นช่วงเวลาของงาน “มหกรรมหนังสือแห่งชาติครั้งที่ 21”

มิตรรักแฟนประจำของสำนักพิมพ์มติชนพบกันที่โซนพลาซาที่เดิม

มิตรรักนักอ่านสำนักพิมพ์อื่นไม่ว่ารุ่นไหน ก็แวะเยี่ยมเยือนไปสำนักที่รักที่ชอบกันให้อุ่นหนาฝาคั่ง

จะซื้อหรือไม่ แค่เห็นหน้าก็ชื่นใจแล้ว

 

และในฐานะผู้ช่วยพนักงานขายก็ต้องขายของตามหน้าที่สิครับ

แต่ของที่นำมาขายวันนี้ ขายกันด้วยความภาคภูมิใจ

เพราะน้องเพื่อนฝูงในสำนักพิมพ์เขาจัดแซบจัดเต็ม จัดมาแบบคุยแล้วไม่อายใคร

แนะนำหมดก็จะเกินพื้นที่ เอาที่เฉพาะตัวเองรักๆ ชอบๆ ก่อน

เล่มแรกเข้ากับบรรยากาศ 14 ตุลา ก็คือ “บ้านเมืองของเราลงแดง” ของ ครูเบน แอนเดอร์สัน ผู้ล่วงลับ

อยากเข้าใจสังคมไทย และอยากรู้ว่าคนนอก (ที่รักและเข้าใจสังคมไทย) เขามองเราอย่างไร หนังสือเล่มนี้ไม่อ่านไม่ได้เป็นอันขาด

เล่มต่อมา “กบฏบวรเดช” จากการค้นคว้าของ รัฐพล ใจจริง

ใครที่คิดว่ารู้จักและเข้าใจประวัติศาสตร์ไทยหลัง 2475 ลองอ่านหนังสือเล่มนี้อีกที ที่เข้าใจก็จะเข้าใจเพิ่มขึ้น ที่ยังสงสัยไม่แน่ใจก็จะได้เข้าใจด้วย “ข้อเท็จจริง” ที่ผู้เขียนรวบรวมเอามาแบบมหาศาล

“มันยากที่จะเป็นมลายู” จะเรียกว่าเป็นภาคต่อของ “มลายูที่รู้สึก” ของ ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ ก็ได้

แต่ถ้าอยากรู้จักและเข้าใจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และพี่น้องมลายูไม่ว่าในที่ไหนๆ

เล่มนี้ก็ไม่อ่านไม่ได้อีกเหมือนกัน

“แฟ้มลับสงครามโลกครั้งที่ 2” กาวิน มอร์ติเมอร์ เขียน ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ แปล

ไม่ว่าจะรักหรือเกลียดสงคราม ก็ควรอ่านยุทธการ แผนลับ ปฏิบัติการปกปิด และอีกหลายๆ อย่างที่ก่อรูปมหาสงครามครั้งนี้

“ชีวิตของประเทศ” นวนิยายขนาดยาวของ ดร.วิษณุ เครืองาม

ใครที่ชอบ “ข้ามสมุทร” ก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้ ลองดูว่าฉากที่เปลี่ยนจากสมัยพระนารายณ์เป็นต้นรัตนโกสินทร์จะให้อารมณ์และความรู้ที่ต่างกันอย่างไร

สุดท้ายของชุดนี้คือ “อาคเนย์คำนึง” รวมเรื่องสั้นของ อนุสรณ์ ติปยานนท์

คนอะไรเขียนหนังสือแล้วให้ความรู้สึกเหมือนดูรูปวาดหรือรูปถ่าย

 

ตบท้ายด้วย “สี จิ้น ผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ”

หนังสือที่รวบรวมปาฐกถาสำคัญของประธานาธิบดีจีน ผู้มีแนวโน้มว่าจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดกับจีนและโลกตั้งแต่หลังยุค เติ้ง เสี่ยว ผิง

ลองชิมตัวอย่าง

– การปฏิรูปและเปิดประเทศมีแต่เดินหน้าต่อไปและไม่มีวันเสร็จสิ้น (31 ธันวาคม 2012)

การปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นกิจของประชาชนทั้งหลาย พวกเราจึงต้องเคารพและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมของประชาชนภายใต้การนำของพรรค

…การกำเนิดและพัฒนาสิ่งใหม่ทุกชิ้นระหว่างการปฏิรูปและเปิดประเทศ ตลอดจนการสร้างสรรค์และการสั่งสมประสบการณ์ทุกด้านของการปฏิรูปและเปิดประเทศ ล้วนมาจากการปฏิบัติจริงและภูมิปัญญาของประชาชนทั้งหลายทั้งสิ้น

– นำอำนาจไปขังไว้ในกรงของระบบ (22 มกราคม 2013)

เราชาวคอมมิวนิสต์ต้องทำให้ได้ถึงขั้นที่ว่า “การห้ามนั้น ห้ามตนเองก่อนจึงห้ามผู้อื่น” เจ้าหน้าที่ชั้นนำทุกระดับต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่าง ให้เป็นแบบอย่าง พูดไปแล้วต้องทำได้จริง สัญญาแล้วต้องปฏิบัติตาม

ต้องยึดมั่นจัดการงานทุกอย่างด้วยความประหยัด ยืนหยัดต่อต้านการเอาหน้าเอาตาอวดร่ำรวย ต่อต้านลัทธิเสพสุขและกระแสฟุ่มเฟือย

ต้องเชิดชูวัฒนธรรมดีเด่นในการประหยัดของคนจีน เผยแพร่แนวคิดที่ว่า การประหยัดนั้นเป็นเกียรติยศ การฟุ่มเฟือยเป็นเรื่องอดสู

 

นี่แค่คัด “น้ำจิ้ม” มานะครับ ลองนึกดูเถอะว่าทั้งเล่มจะ “สี จิ้น ผิง” ขนาดไหน

ในโลกที่จีนมีแต่จะขยายบทบาทขึ้นทุกวัน ไม่รู้เขารู้เราท่าจะเอาไม่อยู่แล้ว

อ้อ ที่พิเศษก็คือหนังสือเล่มนี้มีงานเปิดตัวบ่ายวันที่ 19 ตุลาคม ที่โรงแรมดุสิตธานี

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คนแนะนำหนังสือเล่มนี้มาให้แปลจะไปกล่าวปาฐกถา

รับรองว่าแซบซ่าไม่น้อยกว่าปาฐกถาในหนังสือแน่