“เด็กผู้ชายคนนึงกำลังร้องไห้เพราะถังใส่น้ำของเขาตกพื้น”…หนึ่งภาพสะท้อนชีวิตเด็กในอเลปโป

ภาพของหนูน้อย “ออมราน ดาคนีช” เด็กชายผู้อาศัยอยู่ในเมืองอเลปโป ประเทศซีเรีย นั่งบนเก้าอี้สีส้มสดบนรถพยาบาล ตัดกับสีเทาจากฝุ่นที่ปกคลุมตัว สร้างความสะเทือนใจให้กับคนทั่วโลก

เด็กชายวัย 5 ขวบถูกอุ้มออกมาจากบ้านพักที่กลายเป็นซาก จากการถูกถล่มทางอากาศ ศีรษะมีแผลขนาดใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด

เด็กชายออมรานนั่งนิ่งเงียบด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง

ออมรานยกมือขึ้นสัมผัสหน้าผากที่โชกไปด้วยเลือด ออมรานมองไปที่มือของตัวเองด้วยความสับสน ก่อนจะทำสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนคุ้นเคยกันดี

ออมรานเช็ดมือกับเก้าอี้ เหมือนอย่างที่เด็กๆ มักจะทำเวลาที่มือเปื้อนซอส ไอศกรีม หรือช็อกโกแลต แต่สำหรับออมราน มือข้างนี้มีแต่ “เลือด”

ความรวดเร็วของสื่อในยุคปัจจุบันทำให้ภาพของ “ออมราน” กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความโหดร้ายของสงครามกลางเมืองในซีเรียในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน

แต่ออมรานเป็นเด็กเพียงคนเดียวในอีกจำนวนกว่า 75,000 คน ที่ต้องดิ้นรนอยู่ในเมืองนรกแห่งนี้

เด็กน้อยคนนักในโลกนี้ที่ชีวิตจะมีความเสี่ยงมากกว่าเด็กๆ ในเมืองอเลปโปแห่งนี้ เด็กกลุ่มที่ต้องเติบโตด้วยการหาทางมีชีวิตรอดให้ผ่านพ้นไปแต่ละวัน

คำถามคือชีวิตในอเลปโปของเด็กเหล่านี้เป็นเช่นไร?

เว็บไซต์ของนิตยสารไทม์ ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมในอเลปโป ทำให้เห็นภาพบางส่วนของชีวิตเด็กๆ เหล่านี้ได้

ไทม์ระบุว่า ในอเลปโปนั้นอาหารมีความขาดแคลนอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีตลาดหรือร้านค้าหลงเหลืออยู่ ชาวซีเรียบางส่วนพยายามปลูกพืชผักสวนครัวกินเอง อย่างไรก็ตาม ระดับความอดอยากนั้นรุนแรงถึงขั้นที่ประชาชนส่วนหนึ่งต้อง “ทำอาหารด้วยใบไม้” ประทังชีวิตกันแล้ว

ด้าน “ฮิวแมนไรท์วอตช์” องค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ระบุว่า ราคาสินค้าพื้นฐานในอเลปโปนั้นพุ่งสูงขึ้นมากนับตั้งแต่กองทัพรัฐบาลซีเรีย นำโดยประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด และพันธมิตรอย่างรัสเซีย เริ่มปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏ

ราคาข้าว 1 ก.ก. ในอเลปโปมีราคาสูงถึง 485 บาท น้ำตาล 1 ก.ก. มีราคาเกือบ 700 บาท ขณะที่น้ำมันมะกอกราคาพุ่งสูงถึง 1,500 บาท

สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (โอซีเอชเอ) ระบุว่า ประชาชนเกือบ 2 ล้านคนในเมืองอเลปโปไม่สามารถเข้าถึงน้ำประปาได้นับตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากการโจมตีทางอากาศตัดพลังงานที่ส่งเข้าสู่ระบบปั๊มน้ำ

นายแพทย์อับดุลคาริม เอคซาเยซ แพทย์จากมูลนิธิเซฟเดอะชิลเดรน ระบุกับไทม์ว่าพลเรือนในพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองอเลปโปอยู่ได้ด้วยการใช้น้ำจากบ่อบาดาล ซึ่งมีคุณภาพต่ำ มีการปนเปื้อนสิ่งปฏิกูลและไม่สามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย

เมื่อพลังงานที่จะนำมาใช้ต้มน้ำขาดแคลน ส่งผลให้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กๆ ชาวซีเรียซึ่งไม่ได้รับวัคซีนเลยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาต้องล้มป่วยโดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำที่ไม่ถูกสุขลักษณะ

 

ด้าน พาโบล มาร์โค บลังโก ผู้จัดการปฏิบัติการขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน ในตะวันออกกลางระบุว่า ในอเลปโปมีแพทย์เพียง 35 คน ที่รักษาประชาชน 300,000 คนที่ยังอาศัยอยู่ในเมือง เหตุเพราะแพทย์หลายคนเสียชีวิต ขณะที่บางคนลี้ภัยออกนอกพื้นที่ไป

ส่วนโรงพยาบาลจำนวนมากถูกถล่มเสียหาย ที่เหลืออยู่ก็ต้องอาศัยห้องใต้ดิน หรือแฟลตขนาดเล็ก ซึ่งมีเตียงรองรับสูงสุดเพียง 40 เตียงเท่านั้น ขณะที่เมื่อเกิดเหตุโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นจะมีผู้บาดเจ็บมากถึง 100 คนไหลทะลักเข้ามา

บลังโก ระบุว่านั่นเป็นเหตุผลทำให้ประชาชนที่รวมไปถึงเด็กที่ได้รับบาดเจ็บเลือกที่จะอยู่กับความเจ็บปวดและรักษากันเองตามยถากรรม ขณะที่การจำนวนบุคลากรที่ไม่สอดคล้องกับผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก ทำให้ต้องเกิดการตัดสินใจอันยากลำบาก เช่น การตัดสินใจว่า “ใครควรจะได้รับการรักษา และใครควรต้องถูกปล่อยให้เสียชีวิต”

การขาดแคลนสินค้าวัสดุก่อสร้างทำให้บ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายไม่ได้ถูกซ่อมแซม ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ ขณะที่การอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันของครอบครัวหลายครอบครัว

รวมถึงภาพของครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เพียงคนเดียวเลี้ยงดูเด็กหลายคนที่สูญเสียผู้ปกครองไป ก็เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป

ด้านการศึกษา “มูลนิธิเซฟเดอะชิลเดรน” ระบุว่า โรงเรียน 16 จาก 46 โรงเรียนที่มูลนิธิสนับสนุนได้รับผลกระทบไม่ทางตรงก็ทางอ้อมจากการทิ้งระเบิด ส่งผลให้ผู้ปกครองหวาดกลัวที่จะพาลูกๆ ไปโรงเรียน ขณะที่ คาเล็ด คาทิบ ช่างภาพของ “กลุ่มไวต์เฮลเมตส์” หน่วยกู้ภัยอาสาสมัครและกลุ่มเพื่อมนุษยธรรมในซีเรีย ระบุว่าเด็กๆ เลือกที่จะไม่ไปเรียนเพื่อเอาเวลาไปทำงานเพื่อนำเงินมาซื้ออาหาร

คาทิบ ระบุว่า ในวันปกติสำหรับเด็กในอเลปโปนั้นก็คือ “การดูทีวีเพียงไม่กี่นาที ก่อนจะต้องตักน้ำมาไว้ที่บ้าน และฟังเสียงระเบิดจากการโจมตีทางอากาศ”

“เมื่อสัปดาห์ก่อนผมเห็นเด็กผู้ชายคนนึงกำลังร้องไห้เพราะถังใส่น้ำของเขาตกพื้น” คาทิบ ระบุ

“คุณพอจะจินตนาการถึงสิ่งที่ผมเห็นได้มั้ย?” คาทิบ ตั้งคำถาม

แน่นอนว่าทุกคนที่ได้ยินคำถามนี้ และได้เห็นภาพของ “ออมราน ดาคนีช” คงจะสะท้อนความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในซีเรียได้บ้าง

และหวังว่าภาพสะท้อนเหล่านั้นจะไม่เป็นเพียง “อีกหนึ่งภาพ” ที่เป็นกระแสในโลกออนไลน์เพียงช่วงเวลาสั้นๆ และเลือนหายไปตามกาลเวลา

แต่จะนำไปสู่จุดสิ้นสุดสงครามกลางเมืองในซีเรียลงได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง