เกาหลีใต้ : การจัดการโรคระบาดและการเลือกตั้งกลางเทอม

เกาหลีใต้: การจัดการโรคระบาดและการเลือกตั้งกลางเทอม

เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา เกาหลีใต้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 21 หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า การเลือกตั้งกลางเทอม และแม้เกาหลีใต้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างโรคระบาดโควิด-19 แต่ประชาชนก็ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งถึง 66.2% ซึ่งนับว่าสูงเป็นประวัติการณ์ และสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งผลการเลือกตั้งออกมากลายเป็นว่า พรรครัฐบาล หรือ พรรคฝ่ายก้าวหน้า สามารถกวาดที่นั่งในสภาไปได้ถึง 180 จาก 300 ท่ี่นั่ง อันเป็นชัยชนะเด็ดขาดเหนือฝ่ายค้านอย่างพรรคฝ่ายขวา โดยพรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลี (The Democratic Party) ที่เป็นพรรคฝ่ายก้าวหน้าพรรคหลักได้ไป 163 ที่นั่ง ทำให้พรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลีเป็นพรรคที่ได้ที่นั่งมากที่สุดในการเลือกตั้งกลางเทอม นับตั้งแต่ปี 1960 ขณะที่พรรคหลักของฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างพรรคแห่งอนาคต (United Future Party) ได้ไป 84 ที่นั่ง และเมื่อรวมกับพรรคฝ่ายขวาอื่นๆก็ได้ไปเพียง 103 ที่นั่งเท่านั้น ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1960 ที่ฝั่งอนุรักษ์นิยมได้ที่นั่งในสภาน้อยขนาดนี้

แม้ว่าก่อนหน้าจะเกิดโรคระบาด โพลล์หลายสำนักจะประเมินออกมาทางเดียวกันว่า พรรคอนุรักษ์นิยมน่าจะเป็นฝ่ายกุมชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอมมากกว่าฝ่ายก้าวหน้า เนื่องจากคะแนนนิยมของประธานาธิบดีมุนแจอินที่มาจากพรรคฝ่ายซ้ายกำลังตกลงอย่างต่อเนื่อง และชัยชนะของฝ่ายขวาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะทำให้ประธานาธิบดีมุนทำงานลำบาก แต่โควิด-19ก็เข้ามาเปลี่ยนกระแสการเมืองเสียอย่างนั้น

South Korea’s President Moon Jae-in attends the retreat session during the APEC Summit in Port Moresby, Papua New Guinea November 18, 2018. REUTERS/David Gray

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีมุนแจอินโดนวิจารณ์อย่างหนักในหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือ การไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันนัก ยกเว้นการพยายามเชื่อมสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ ที่คนเกาหลีจำนวนมากมองว่า ท่านประธานาธิบดีออกจะทุ่มเทกับการสร้างสันติภาพกับเพื่อนบ้านทางเหนือมากเกินไปจนมองปัญหาของประเทศด้านอื่นเป็นเรื่องรองลงมา ทั้งปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นผลกระทบมาจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ปัญหาค่าเงินวอนที่อ่อนค่าลงเป็นประวัติการณ์ ปัญหาการว่างงานในประเทศที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ รวมถึงปัญหาคอร์รัปชั่นของกลุ่มธุรกิจใหญ่อย่างแชบ็อลก็เป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง

แต่เมื่อเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 มาตรการรับมือเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพของเกาหลีใต้ได้รับการยกย่องไปทั่วโลก เกาหลีใต้มียอดผู้ติดเชื้อกว่า 10,000 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 200 ราย ซึ่งอัตราผู้เสียชีวิตมีไม่ถึงร้อยละ 2 ในขณะที่อัตราผู้เสียชีวิตเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4-5 แม้ว่าจะมีเสียงบ่นระงมจากคนในประเทศก็ตาม

“รัฐบาลของเราไม่มีอำนาจมากพอที่จะหยุดไม่ให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาในประเทศทั้ง ๆ ที่โรคกำลังระบาดหนักในจีน น่าเศร้านะ ฉันรู้สึกว่านี่เป็นผลอีกด้านของโลกาภิวัตน์และการพึ่งพาจีนในระดับที่เกินพอดี” ลี ให้สัมภาษณ์กับผู้เขียนทางออนไลน์ “แต่ร้านค้าปลีกก็จำกัดปริมาณการซื้อหน้ากากอนามัยตามมาตรการของรัฐบาลแล้ว รัฐบาลเองก็ออกกฎหมายควบคุมการซื้อขายและควบคุมราคาของหน้ากากด้วย ข่าวก็เพิ่งออกมาว่ารัฐบาลจับคนที่พยายามขายและส่งหน้ากากอนามัยออกไปนอกประเทศทั้งหมดเลย ยังไงเราก็คงไม่ขาดแคลน (หน้ากากอนามัย)”

“มหาวิทยาลัยต่างๆยกเลิกงานรับปริญญาและเปลี่ยนเรียนออนไลน์จนจบเทอมแล้ว ฉันคิดว่านี่จะช่วยไม่ให้โรคแพร่กระจายได้พอสมควร” ลีเสริม “รัฐบาลไม่มีมาตรการปิดประเทศ (ในตอนนั้น) ก็จริง แต่ใครจะกล้าไปสนามบินล่ะ ในเมื่อสนามบินเป็นหนึ่งในสถานที่ ๆ เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุด”
ขณะที่ ช็อง คนเกาหลีรุ่นใหม่ที่ผู้เขียนสัมภาษณ์อีกคนหนึ่งกลับมีความเห็นที่แตกต่างออกไปในเรื่องการจัดการกับโรคระบาดของรัฐบาลมุน

“หมอกับพยาบาลในเกาหลีกำลังเสียสละตัวเอง แต่ประธานาธิบดีของเรา เราไม่รู้เลยว่าประธานาธิบดีกำลังทำอะไรหรือกำลังคิดอะไร” ช็องออกความเห็นหลังจากเกิดการระบาดขึ้นมาอีกระลอกจากการรวมตัวกิจกรรมในโบสถ์ที่ตั้งอยู่เขตซ็องนัม

“ไม่ใช่รัฐบาลไม่มีมาตรการจัดการที่ชัดเจนนะ แต่หลายครั้งฉันก็คิดว่าการควบคุมการทำกิจกรรมต่างๆไม่ได้ชัดเจนและเข้มงวดเท่ามาตรการที่ประกาศออกมา ฉันคิดว่านั่นจะทำให้เรื่องจบยากทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ (โรคระบาด) กำลังดีขึ้น”

จากคำสัมภาษณ์ ช็องชี้ให้เห็นจุดด้อยของมาตรการรับมือโควิด-19ของรัฐบาลมุนแจอิน มาตรการเชิงรุกที่ไม่ต้องล็อคดาวน์เมืองที่เกาหลีใช้รับมือโรคระบาดครั้งนี้จะประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนอย่างแข็งขันและเคร่งครัดจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น การไปตรวจเชื้อตามจุดบริการต่าง ๆ รวมถึงการไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากประชาชนแตกแถว ก็จะเกิดการระบาดใหญ่อย่างที่เกิดในโบสถ์ของลัทธิชินช็อนจีในจังหวัดแทกู ซึ่งกลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ที่ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19ในเกาหลีใต้พุ่งสูงกว่าหนึ่งหมื่นคน

การแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19ยังส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งการเทอมในแง่ของการจัดการเลือกตั้งด้วย แม้ว่าเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายจะสนับสนุนให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน แต่เกาหลีใต้ไม่เลื่อน และไม่เคยเลื่อนการเลือกตั้งมาตั้งแต่ปี 1952 ซึ่งตอนนั้นประเทศอยู่ระหว่างทำสงครามเกาหลี

Shoto by – / YONHAP / AFP / – South Korea OUT / REPUBLIC OF KOREA OUT NO ARCHIVES RESTRICTED TO SUBSCRIPTION USE

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้งของเกาหลีจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนชาวเกาหลีทุกคนสามารถใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้อย่างปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดครั้งนี้ และเพื่อให้มั่นใจว่าการเข้าคูหาใช้สิทธิ์จะไม่ทำให้โรคแพร่ระบาดอีกระลอก ประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์ต้องสวมหน้ากากอนามัยและยืนห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตรระหว่างรอคิว ก่อนเข้าคูหาเลือกตั้งจะมีการตรวจวัดไข้ มีจุดแจกจ่ายเจลล้างมือ และแจกถุงมือพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งให้ประชาชนด้วย หากมีคนที่อุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส เจ้าหน้าที่จะพาไปลงคะแนนที่คูหาที่ถูกแยกไว้ต่างหากและที่ตรงนั้นจะถูกฆ่าเชื้อทำความสะอาดหลังจากใช้งานแบบคนต่อคน ส่วนประชาชนที่กำลังอยู่ในช่วงกักตัวเฝ้าดูอาการก็สามารถใช้สิทธิ์ได้เช่นกัน โดยทางการจัดสรรเวลาให้ไปโหวตหลังจากผู้ใช้สิทธิ์คนอื่นๆใช้สิทธิ์จนปิดคูหาแล้ว และยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ใช้สิทธิ์ลงคะแนนผ่านทางไปรษณีย์และคูหาควบคุมโรคแบบพิเศษ

และผลการเลือกตั้งกลางเทอมที่ออกมาก็สะท้อนว่า คนเกาหลีไว้วางใจให้พรรคฝ่ายก้าวหน้าเป็นรัฐบาลขับเคลื่อนประเทศต่อไป แน่นอนว่าผลการเลือกตั้งกลางเทอมนี้จะส่งผลไปถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอีกสองปีข้างหน้าด้วย อีกทั้งพรรคฝ่ายซ้ายยังได้จำนวนสมาชิกสภามากถึงสามในห้า ซึ่งมากพอที่ผ่านร่างกฎหมายต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกโยธิน