‘ขว้างงูไม่พ้นคอ’ ทูตจีนเตือนอังกฤษ ระวัง ‘ล้าหลัง’ หากเลือกแบน ‘หัวเหวย’

ลอนดอน, 5 ม.ค. (สำนักข่าวซินหัว) – หลิวเสี่ยวหมิง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหราชอาณาจักรแถลงว่า การคว่ำบาตรหัวเหวยของสหราชอาณาจักรคือการเลือกที่จะ ‘ถอยหลังลงคลอง’ ซึ่งจะทำให้สหราชาณาจักร กลายเป็นประเทศที่ล้าหลังด้านเทคโนโลยี

หลิว แสดงความคิดเห็นและลงนามในบทความ ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงบนหนังสือพิมพ์ซันเดย์ เทเลกราฟ (Sunday Telegraph) เมื่อวันอาทิตย์ (5 ม.ค) โดยกล่าวว่า หัวเหวยให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์แก่ผู้คนมากกว่า 3 พันล้านคนในกว่า 170 ประเทศ และภูมิภาคต่างๆ และยังไม่เคยมีประเทศ องค์กร บริษัท หรือบุคคลใด มีหลักฐานมากล่าวหาว่าผลิตภัณฑ์ของหัวเหวยก่อให้เกิดภัยคุกคามด้านความปลอดภัย

” คณะกรรมาธิการเฉพาะกิจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสหราชอาณาจักรเองก็ยังระบุว่า ‘ไม่มีเหตุผลทางเทคนิคใดๆ ในการแบนหัวเหวยจากเครือข่าย 5G ของสหราชอาณาจักร รวมไปถึงเครือข่ายโทรคมนาคมอื่นๆ’ ” เขากล่าว

หลิวย้ำว่า จีนไม่เคยและจะไม่ขอให้บริษัทหรือบุคคลใด เป็นผู้รวบรวมข้อมูล รายละเอียด หรือข่าวกรองในประเทศอื่นๆ ด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย
“การกุเรื่อง ‘ภัยจากหัวเหวย’ ในนามของความมั่นคงแห่งชาติขึ้นมา ไม่ต่างอะไรกับการ ‘ตั้งแง่หาเรื่องใส่ร้ายป้ายสี’ หลิวกล่าว

“การกระทำเช่นนี้จะเป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ และในท้ายที่สุด ผู้ที่จงใจทำให้ผู้อื่นหวาดกลัว ย่อมจะต้องแพ้ภัยตนเอง”

เอกอัครราชทูตกล่าวว่า ระหว่างปี 2012 ถึง 2017 หัวเหวยนำพาเงิน 2 พันล้านปอนด์สู่สหราชอาณาจักร ผ่านการลงทุน การจัดซื้อ และสร้างงานกว่า 26,000 ตำแหน่ง ช่วงต้นปี 2018 หัวเหวยให้สัญญาว่า จะลงทุนอีก 3 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร ภายใน 5 ปีข้างหน้า

“นับเป็นการออกเสียงที่แสดงถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร ที่ต้องการออกจากสหภาพยุโรป และยังเป็นการยกมือสนับสนุนความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างจีน กับสหราชอาณาจักร” หลิวกล่าว

“การแบนหัวเหวย ก็เท่ากับเลือกที่จะถอยหลังลงคลอง” หลิวกล่าวพร้อมเสริมว่า ผู้ประกอบการโทรคมนาคมชาวอังกฤษหลายคนยอมรับว่า การแบนหัวเหวยจากการพัฒนาสัญญาน 5G และเทคโนโลยี จะทำให้สหราชอาณาจักรกลายเป็นประเทศที่ก้าวไม่ทันเทคโนโลยีนี้

“ภาพลักษณ์ของสหราชอาณาจักรในฐานะพันธมิตรที่เปิดกว้างและไม่แบ่งแยก จะถูกทำลายอย่างหนัก … ความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ และความร่วมมือระหว่างจีนกับสหราชอาณาจักรก็เช่นกัน” ท่านทูตกล่าวทิ้งท้าย