นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ : ชื่อเสียงของ Kanye West

AFP PHOTO / TIMOTHY A. CLARY

เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกทึ่ง อึ้ง หลงรัก และเกลียด Kanye West แร็ปเปอร์ชื่อดัง เมื่อได้ชมมิวสิกวิดีโอเพลง Famous

ผมชื่นชอบเพลงของเวสต์มาได้สักพักแล้วครับ ถ้ามองกันเฉพาะในแง่ดนตรี ผมคิดว่าเวสต์คืออัจฉริยะที่สุดคนหนึ่งในวงการเพลงฮิบฮอปร่วมสมัย

เพลงของเขาน่าตื่นเต้น ล้ำยุค ก้าวไปข้างหน้า และมีความคิดสร้างสรรค์พาเราโลดโผนโจนทะยานไปในอนาคตอยู่เสมอ ในขณะเดียวกัน ทุกครั้งที่เรายัดหูฟังเข้าหูแล้วเปิดเพลงของเขา เราก็จะรู้สึกได้ถึงความดิบ เถื่อน สกปรก หยาบโลน บ้าเซ็กซ์ ขี้โอ่ อวดรวย และโคตรหลงตัวเอง

กระนั้นก็ดี ผมยังคิดว่าอัลบั้มล่าสุดของเขาอย่าง Life of Pablo คือหนึ่งในอัลบั้มที่ดีที่สุดแห่งปี

ซิงเกิลแรกของอัลบั้มนี้ คือเพลง Famous เพลงสุดอื้อฉาวที่มีท่อนหนึ่งในเพลงที่พาดพิงถึง เทเลอร์ สวิฟต์ นักร้องสาวสวยอย่างหยาบคาย

“I feel like me and Taylor might still have sex.Why? I made that bitch famous.”

“ผมยังมีความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกับเทย์เลอร์มีเซ็กซ์ด้วยกันอยู่เลย ทำไมน่ะหรือ? เพราะผมเป็นคนทำให้นังนั่นดัง”

หลังจากสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเนื้อเพลงนี้ไปแล้ว เขาก็นำเพลงนี้มาสร้างเป็นมิวสิกวิดีโออีกครั้ง โดยเพิ่งปล่อยตัวเต็มๆ ใน YouTube เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างกระแสโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์มากกว่าเดิมหลายเท่า

ได้รับทั้งคำด่าทอและสรรเสริญ

AFP PHOTO / TIMOTHY A. CLARY
AFP PHOTO / TIMOTHY A. CLARY

คอนเซ็ปต์ของมิวสิกวิดีโอเพลง Famous คือการจับคนดังระดับโลก 12 คนมานอนเรียงกันบนเตียงขนาดใหญ่ในสภาพเปลือยกายอล่างฉ่าง

โดยคนดังเหล่านั้นก็มีหลากหลายวงการ เรียงจากซ้ายไปขวาประกอบไปด้วย George W. Bush อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา, Anna Wintour บรรณาธิการนิตยสาร Vogue, Donald Trump ผู้ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสุดอื้อฉาว, Rihanna นักร้องสาวผิวสี, Chris Brown แร็ปเปอร์ผิวสีอดีตคู่รักของริฮานน่า, Taylor Swift นักร้องสาวสวย, Kanye West ตัวเขาเอง, Kim Kardashian West ภรรยาสุดที่รักและเซเลบชื่อดัง, Ray J อดีตแฟนหนุ่มของ คิม คาร์ดาเชียน, Amber Rose อดีตแฟนสาวของ คานเย เวสต์, Caitlyn Jenner พ่อเลี้ยงของ คิม คาร์ดาเชียน ที่เพิ่งผ่าตัดแปลงเพศเป็นสาวประเภทสอง, Bill Cosby ดาราตลกรุ่นใหญ่ระดับตำนานของอเมริกาที่เคยเป็นข่าวว่าข่มขืนหรือกระทำการล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวหลายสิบคน

คนดังที่มานอนเรียงรายกันนั้นล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวพันกันทางใดทางหนึ่งกับ คานเย เวสต์ เช่น เขาเคยกล่าวหาว่า จอร์ช บุช เป็นพวกเหยียดผิว หรือ บิล คอสบี้ เขาก็เคยออกมาทวีตว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน

เอ็มวีเริ่มต้นด้วยการพาเราบินสูงขึ้นไปเหนือเมฆ จากนั้นกล้องก็ค่อยบินต่ำลงมาที่เตียงนอนของใครสักคนในบ้าน เราจะเห็นสภาพผ้าห่มยับยู่ยี่และคุณภาพความละเอียดของภาพที่คล้ายๆ กับกล้องของมือสมัครเล่นแอบถ่าย

ภาพแรกที่เราเห็นบนเตียงคือหน้าอกอันเปลือยเปล่าของผู้หญิงสักคน หลังจากนั้นกล้องก็ค่อยๆ เคลื่อนไปเรื่อยๆ เพื่อซูมให้เห็นร่างกายที่ไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ ของคนดังทีละคนจนครบ 12 คน

พอเข้าท่อนที่ คานเย เวสต์ ร้องว่า “I feel like me and Taylor might still have sex.Why? I made that bitch famous.” กล้องก็เคลื่อนมาที่ เทเลอร์ สวิฟต์ พอดี

เมื่อมิวสิกวิดีโอดำเนินมาถึงกลางเพลง ท่วงทำนองของดนตรีและเสียงร้องของเขาก็หยุด เหลือเพียงความเงียบ…ทันใดนั้นเอง เสียงกรนของเหล่าคนดังก็ดังขึ้น พร้อมกับภาพของคนดังแต่ละคนในสภาพหลับใหล

เอ็มวีจบด้วยการขึ้นเครดิตให้กับคนดังทุกคนที่ร่วมแสดงในเอ็มวี พร้อมกับข้อความว่า “ขอบคุณสำหรับการเป็นคนดัง” กล้องถอยออกมาในมุมท็อปจนเห็นภาพ 12 คนดังนอนเรียงรายกันบนเตียง

ขณะที่เพลงกำลังจะจบลง และคนดังทุกคนอยู่ในสภาพแข็งทื่อ คนดังที่นอนตรงกลางก็หันหน้าเข้าหากล้อง

ใช่ครับ เขาคือ คานเย เวสต์

แล้วเอ็มวีก็จบลง

แม้ว่าหลายคนจะด่าทอว่านี่คือเอ็มวีที่น่าเกลียดและน่าขยะแขยงที่สุดแห่งทศวรรษ เพราะไม่ให้เกียรติคนดังเลย ทั้งเอาเขามาเปลือยกาย เห็นหน้าอกและอวัยวะด้านล่าง นอนอล่างฉางโดยไม่ขออนุญาต แถมเวสต์ยังหน้าด้าน ท้าทายให้คนที่อยู่ในคลิปรีบออกมาฟ้องร้องเขาเร็วๆ อีก

แต่นักวิจารณ์บางคนก็ออกมาฟันธงว่านี่คือ video art ที่แสดงความคิดเห็นต่อคำว่า “ชื่อเสียง” ได้อย่างแหลมคม

เอาเข้าจริงแล้วเอ็มวี่นี้ไม่ได้ทำกันเล่นๆ นะครับ เพราะเขาใช้เวลาทำกันถึง 3-4 เดือน และภาพคนดังเปลือยกายบนเตียงที่เราเห็นนั้นก็ไม่ได้มโนขึ้นมาเอง แต่เวสต์ได้แรงบันดาลใจจากภาพเขียนชื่อ Sleep ของจิตรกรชาวอเมริกัน Vincent Desiderio

ความน่าสนใจอีกอย่างก็คือ นักแสดงที่เราเห็นว่านอนอยู่บนเตียงนั้นไม่ใช่คนจริงๆ แต่เป็นหุ่นขี้ผึ้งที่ทำขึ้นมาใหม่ โดยเวสต์พูดเป็นนัยๆ ว่าใน 12 คนนั้นมีคนจริงๆ เล่นอยู่ด้วย ซึ่งก็คาดกันว่าเป็นตัวเขาเองและ คิม คาร์ดาเชียน ภรรยาของเขา

เวสต์ให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่ใช่การสนับสนุนพวกเขาหรือว่าต่อต้านพวกเขาอะไรทั้งนั้นครับ เป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการมีชื่อเสียงเท่านั้น”

หลายคนคงสงสัยว่า อ้าว! ถ้าเอ็มวีนี้ไม่ได้ตั้งใจจะขายเซ็กซ์ ขายความอื้อฉาว ขายคนดัง แล้วเวสต์ต้องการจะทำอะไร

ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า เอ็มวีนี้เวสต์ไม่ได้ต้องการแสดงความคิดเห็นต่อคำว่า “ชื่อเสียง” แต่สิ่งที่เขาทำคือการท้าทายและยั่วยุคนทั่วไปอย่างเราต่างหากว่ามีความรู้สึกอย่างไรต่อคำว่า “คนมีชื่อเสียง”

หากลองสังเกตในเอ็มวีดูดีๆ เราจะเห็นได้ว่าเวสต์สร้างสถานการณ์จำลองหลายอย่างเพื่อปั่นหัวคนดูอย่างเรา

หนึ่ง การนำคนดังมานอนเปลือยกายรวมตัวกันนั้นให้ความรู้สึกเหมือนพวกเขาเพิ่งเสร็จสิ้นกิจกรรมบนเตียงไปหมาดๆ แม้ว่าในเอ็มวีจะไม่มีช่วงไหนที่บ่งบอกว่าเคยเกิดเหตุการณ์นั้นมาก่อนก็ตาม

การใช้ “เซ็กซ์ของคนดัง” มาเป็นตัวชูโรงให้คนคลิกเข้าไปดูเอ็มวีนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากความกระหายใคร่รู้ของคนในปัจจุบันที่มีต่อคนดังในทุกวันนี้ที่เราอยากดูคลิปหลุด คลิปฉาว และคลิปใต้เตียงดาราต่างๆ

จินตนาการของคนทั่วไปยิ่งสมจริงขึ้นไปอีกเมื่อในคนดังหลายคนบนเตียงนั้นมีความสัพพันธ์ฉันชู้สาวกันในโลกความจริง เช่น เวสต์กับคิม คิมกับเรย์ เจ แฟนเก่า (ทั้งคู่เคยมีเซ็กซ์เทปหลุดออกมา) ริฮานน่า กับ คริส บราวน์ หรือแม้แต่ เทเลอร์ สวิฟต์ กับเวสต์ ที่ตัวเขาร้องเพลงว่า “I feel like me and Taylor might still have sex.”

สอง การใส่เสียงกรนลงไประหว่างเอ็มวี ก็เป็นการ “เล่น” กับความกระหายใคร่รู้ของคนทั่วไปอีกอย่างนั้นคือ เรื่องส่วนตัวของคนดัง

เราอยากรู้ว่าคนดังทำอะไรในห้องนอนของเขา มีรายการและบทความมากมายที่พยายามสอดส่องเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของคนดังเพื่อถ่ายทอดให้คนทั่วไปได้รู้

ฉะนั้น การที่เวสต์จับคนดังทั้งหมดมานอนบนเตียงธรรมดาๆ พร้อมกับใส่เสียงกรนลงไปก็เพื่อทำให้คนดูรู้สึกว่าพวกเขาได้เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวที่สุดของคนดัง และได้สัมผัสกับกิจกรรมที่ส่วนตัวที่สุดของพวกเขา นั่นคือ การนอนหลับ นั่นเอง

สาม การถ่ายทำด้วยมุมกล้องแบบ “แอบถ่าย” และใช้คุณภาพของวิดีโอที่ไม่ได้ละเอียดมากนัก เพื่อเป็นการสะท้อนถึงวัฒนธรรมการใช้สื่อในยุคโซเชียลมีเดีย

ทุกวันนี้เรามีโซเชียลมีเดียเป็นสื่อของตัวเอง และใช้ facebook live กันเป็นเรื่องปกติ เราพยายามเข้าไปล้วงความลับจากเฟซบุ๊ก อินสตาแกรมของคนดังต่างๆ

ทั้ง 3 ข้อนี้เป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมสังเกตเห็น จริงๆ แล้วยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่เวสต์ต้องการ “ยั่วล้อ” กับวัฒนธรรมคลั่งคนดังในปัจจุบัน

จึงไม่น่าแปลกที่เราจะเกิดความรู้สึกหลากหลายเมื่อได้ดูเอ็มวีนี้ ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งชื่นชม ทั้งหมั่นไส้ เพราะเขากำลังสื่อสารถึงพวกเรา

กระนั้นเอง ก็ยังมีความรู้สึกหนึ่งที่ผมค่อนข้างมั่นใจ

ความรู้สึกทีว่านี้คือผลงานนี้จะเป็นที่กล่าวขานไปอีกหลายปี

นี่คือผลงานที่บ่งบอกถึงค่านิยมการคลั่งคนดังแห่งยุคสมัย

มีไม่กี่คนบนโลกเท่านั้นที่จะสร้างผลงานลักษณะนี้ได้

เขาต้องเป็นคนดังมากๆ ที่โคตรหลงตัวเอง หมั่นสร้างข่าวฉาว ไม่อายที่ขายความเป็นส่วนตัว คิดว่าชีวิตตัวเองคือการแสดงทุกวินาที มั่นใจว่าคนทั่วโลกกำลังจับตาตัวเองทุกขณะ

ที่สำคัญ เขาต้องเป็นคนที่หมกมุ่นและครุ่นคิดกับคำว่า “ชื่อเสียง” และ “การเป็นคนดัง” มากๆ

ไม่มีมนุษย์คนไหนในโลกอีกแล้วที่จะสร้างผลงานที่น่าหมั่นไส้ แต่อัจฉริยะ ได้เท่ากับผู้ชายคนนี้–Kanye West