“โดนัลด์ ทรัมป์” ช็อกโลก นั่งเก้าอี้ ปธน.สหรัฐคนที่ 45

/ AFP PHOTO / Timothy A. CLARY

โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความตกตะลึงให้อเมริกาและทั่วทั้งโลก ด้วยการใช้ความได้เปรียบจากกระแสประชานิยมที่ไม่พอใจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 ได้สำเร็จ

การได้รับชัยชนะของมหาเศรษฐีตัวแทนพรรครีพับลิกันสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้ตลาดหุ้นทั่วโลกที่พากันร่วงระนาว

และสร้างความกังขาต่อสถานะผู้นำยาวนานใน “ระเบียบโลก” ของสหรัฐอเมริกาที่กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

 

“ตอนนี้ถึงเวลาที่อเมริกาต้องสมานรอยร้าวของความแตกแยก” ทรัมป์กล่าวต่อหน้าผู้สนับสนุนของตนที่เฉลิมฉลองในย่านแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงหลังเที่ยงคืนย่างเข้าสู่วันที่ 9 พฤศจิกายน โดยให้สัญญาว่า จะร่วมงานกับพรรคเดโมแครต

“ผมขอให้สัญญากับพลเมืองทั้งหมดในดินแดนของเราว่าผมจะเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน” ทรัมป์ประกาศในการกล่าวสุนทรพจน์ที่แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่ประนีประนอมมากขึ้น ซึ่งเขาได้กล่าวยกย่องคู่แข่งของเขาและแสดงความขอบคุณต่อทีมงานของตน

“ฮิลลารีทำงานหนักมาอย่างยาวนานตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา และเราเป็นหนี้เธออย่างมหาศาลสำหรับการรับใช้ประเทศชาติของเธอ”

ทรัมป์กล่าวถึงคลินตัน หลังจากบดขยี้ความหวังในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเธอจนแหลกละเอียด

 

ในช่วงระหว่างการหาเสียงอันขมขื่นเป็นเวลา 2 ปีที่สั่นคลอนโครงสร้างประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกาไปจนถึงรากฐาน มหาเศรษฐีจอมคุยเขื่องวัย 70 ปีผู้นี้ให้สัญญาว่าจะเนรเทศผู้อพยพที่เข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย สั่งห้ามชาวมุสลิมเข้าประเทศ และฉีกข้อตกลงการค้าเสรีหลายฉบับทิ้ง

ชาติพันธมิตรในยุโรปของสหรัฐอเมริกาไม่ปิดบังซ่อนเร้นความกังวลที่ว่าชัยชนะของทรัมป์อาจทำลายความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายที่ถือว่ายังคงเป็นหลักยึดสำคัญของความมีเสถียรภาพและนิติรัฐ

ทรัมป์แสดงความชื่นชมประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียอย่างออกหน้าออกตาในระหว่างการปราศรัยหาเสียง สร้างความกังขาต่อชาติพันธมิตรยุโรปของสหรัฐในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)

รวมถึงยังชี้แนะว่าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ควรพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

 

ทรัมป์ นักธุรกิจและดารารายการเรียลิตี้ทางโทรทัศน์ที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งในการเลือกตั้งมาก่อนจะกลายเป็นผู้นำสูงสุดของชาติมหาอำนาจที่อาจเรียกได้ว่าเป็นอันดับ 1 ของโลกอย่างแท้จริงในวันที่ 20 มกราคม 2560

ผลการเลือกตั้งที่ออกมาส่งให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงโดยมูลค่าของการลงทุนหายไปหลายพันล้านดอลลาร์ ขณะที่เม็กซิโกเพื่อนบ้านทางตอนใต้ของสหรัฐที่กลัวว่าทรัมป์จะสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ ขวัญหนีดีฝ่อจนทำให้ค่าเงินเปโซร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

สารของทรัมป์ดูเหมือนจะจับใจคนอเมริกันผิวขาวจำนวนมากที่เป็นกลุ่มชนส่วนใหญ่ในประเทศ ซึ่งขุ่นเคืองใจมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงไปของสภาพสังคมและเศรษฐกิจในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารของ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของประเทศ

ชาวอเมริกันที่เป็นชนกลุ่มน้อยจำนวนมากแสดงความกังวลใจออกมาต่อชัยชนะของนายทรัมป์ที่นักสังเกตการณ์บางส่วนมองว่าเป็นความสูญเสียต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรมของอเมริกา

 

แม้ว่าทรัมป์จะไม่มีประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาลมาก่อน และเป็นที่รู้จักดีจากการจัดประกวดนางงาม และการปรากฏตัวใน “ดิ แอพเพรนทิซ” ซีรี่ส์เรียลิตี้ดังทางโทรทัศน์ของตนเอง รวมถึงการสร้างอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ แต่ทรัมป์ถือเป็นคนที่อายุมากที่สุดที่ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

และในระหว่างการผงาดขึ้นมาที่ไม่น่าเชื่อ ทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผู้เชี่ยวชาญและทฤษฎีทางการเมืองต่างๆ ที่ได้รับฟังมานั้นผิดมหันต์

ในขณะที่ถูกต่อต้านจากแกนนำระดับสูงหลายรายของพรรครีพับลิกัน ทรัมป์กลับโค่นคู่แข่งภายในพรรคที่มีประสบการณ์มากกว่า ได้รับการสนับสนุนมากกว่าคนแล้วคนเล่านับสิบราย จนเอาชนะการเลือกตั้งขั้นต้นภายในพรรคมาได้

ในระหว่างการต่อสู้บนเส้นทางสู่ทำเนียบขาว ทรัมป์ต้องถูกกดดันจากข้อกล่าวหาต่างๆ นานาที่เชื่อถือได้ในเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิง 12 ราย รวมถึงถูกแฉหลักฐานทั้งที่เป็นคลิปบันทึกเสียงและวิดีโอซึ่งเขาพูดจากโอ้อวดเรื่องการลูบคลำผู้หญิงอย่างไร้ซึ่งความละอายใจ

และที่เป็นเอกลักษณ์แบบที่ไม่มีใครทำมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันสมัยใหม่ นั่นคือการปฏิเสธที่จะเปิดเผยเอกสารการยื่นเสียภาษี ส่งผลให้เกิดคำถามในเรื่องที่ว่า ทรัมป์เคยเสียภาษีหรือไม่ และมากน้อยแค่ไหนในระหว่างที่เขาบริหารอาณาจักรทางธุรกิจที่ใหญ่โตระดับโลก

แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงมากที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นั่นคือการกวาดชัยชนะเรียบในรัฐที่ถือเป็น “แบตเทิลกราวด์ สเตต” หรือสมรภูมิสำคัญตั้งแต่ฟลอริดาไปจนถึงโอไฮโอ ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งไป 290 เสียง แบบหักปากกาเซียนและสวนทางกับผลโพลแทบทุกสำนัก

ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 ได้สำเร็จ