ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 พฤศจิกายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้กำลังเล่นเกม “ตัวเลข” อย่างเต็มที่
มาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด
หลังจากใช้มา 2 ปีติดต่อกัน
ครั้งนี้รัฐปรับจังหวะเวลาใหม่ และขยายเวลาเพิ่ม
ปี 2558 รัฐบาลใช้มาตรการนี้ในระยะเวลาสั้นๆ 25-31 ธันวาคม
7 วัน
ปี 2559 ขยายเวลาเป็น 14-31 ธันวาคม
18 วัน
แต่ปีนี้รัฐบาลใจดีขยายเวลาเพิ่มขึ้น
และเริ่มเร็วขึ้น
คือ เริ่มตั้งแต่ 11 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม
รวม 23 วัน
มาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” คือการใช้มาตรการลดหย่อนภาษีมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ
สามารถนำค่าใช้จ่ายที่ใช้ซื้อของมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ 2 ปีก่อนรัฐบาลใช้มาตรการนี้กระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงสิ้นปี ซึ่งเป็นช่วงจับจ่ายใช้สอย
คนที่จะควักกระเป๋าจ่ายอยู่แล้ว อัดฉีดมาตรการนี้เพิ่มเข้าไป คนจะใช้จ่ายมากขึ้น
แต่ปีนี้รัฐอัดฉีดตั้งแต่หัววัน คือ ต้นเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคม
กะว่าเวลาที่ยาวนานขึ้นจะทำให้คนจ่ายมากขึ้น
เพราะรัฐบาลชุดนี้กำลังเล่นเกมตัวเลข
GDP ปี 2560 ของไทยน่าจะได้ประมาณ 3.8-3.9%
ทีมเศรษฐกิจอยากได้ 4%
ไม่ใช่แค่เพราะมากกว่า 3.9
แต่เลข 4 คือตัวเลขที่มีผลทางจิตวิทยามากกว่า 3.9 หลายเท่านัก
นอกจากนั้น การเริ่มต้นเร็วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แทนที่จะเป็นช่วงสิ้นปี เพราะต้องการให้เงินภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าคลังทันไตรมาส 4
นี่คือเบื้องหลังเกม “ช้อปช่วยชาติ” ปีนี้
อย่าลืมว่ามาตรการนี้คือการที่รัฐยอมตัดรายได้ที่ควรจะได้รับลง
แต่คนที่ได้ประโยชน์ที่สุดกลับเป็นคนมีเงิน
ยิ่งรวยยิ่งได้ประโยชน์
เพราะตัวเลข 15,000 บาท นั้นเราจะลดหย่อนภาษีได้ตามอัตราภาษีที่แต่ละคนจ่าย
คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 150,000 บาท จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
เพราะได้รับการยกเว้นภาษีอยู่แล้ว
ส่วนที่มีรายได้มากกว่านั้น
ต่ำกว่า 300,000 บาท หรือรายได้เดือนละ 25,000 บาท
เสียภาษี 5%
เท่ากับว่าซื้อของ 15,000 บาท
ประหยัดแค่ 750 บาท
300,000-500,000 บาท หรือเงินเดือน 25,000-40,000 บาท
เสียภาษี 10%
ประหยัด 1,500 บาท
ลดแค่นี้ เดินห้างช่วงมิดไนต์เซลส์ยังลดมากกว่าเลย
ไม่แปลกที่จะมีคนบอกว่าสถานที่ควรใช้ประโยชน์จากมาตรการนี้มากที่สุด คือ ที่ที่ไม่เคยลดราคามาก่อน
“อาบอบนวด”
เป็นการช่วยชาติที่เหนื่อยน่าดูเลย