วอชเชอร์ : มตินอกสภาไม่วางใจรัฐบาล เสียงสะท้อนที่มองข้ามไม่ได้

ผ่านไปแล้วกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งสุดท้ายของวาระนี้ ซึ่งทราบผลอย่างที่แน่นอน แต่ก็มีเรื่องเซอร์ไพรส์ของการสาวไส้กันในพรรคเล็กถึงการรับเงินแลกโหวตไว้วางใจรอบนี้ แล้วสาวถึงการไปรับเงินถึงรังใหญ่ของพี่ใหญ่ฝ่ายรัฐบาล

เรื่องแชทหลุดรับเงินแลกโหวตจึงเรียกว่า ตอกย้ำข่าวลือที่มีมาตลอดถึงการใช้เงินทุ่มในสภา แม้รัฐบาลจะเอาตัวรอดจากอภิปรายครั้งสุดท้ายนี้ไปได้ แต่ก็ทำให้ได้เห็นความเน่าเฟะของคนดิ้นรนที่จะอยู่ในอำนาจ โดยไม่สนใจอะไร นอกจากขอตัวเองอยู่ในอำนาจจบครบวาระ และอาจมองไปถึงการอยู่ต่ออีกสมัยด้วย

การอภิปรายและการยกมือไว้วางใจแบบดันทุรังให้รอดจนครบวาระ ก็ไม่มีครั้งไหนเท่าครั้งนี้ที่ นอกสภาก็คึกคักกับการตื่นตัวของประชาชนที่ขอร่วมลงคะแนนไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย

นอกจากการจัดการลงมติของกลุ่มราษฎร ยังมีการทำโหวตของ 4 สถาบันการศึกษาและ 4 สำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของไทย หรือแม้แต่การจัดโหวตของพรรคไทยสร้างไทย

แล้วผลการโหวต ก็เป็นอันแน่นอนว่า ในสายตาประชาชน ชี้ชัดชนิดขั้วตรงข้ามว่า

ไม่เอาแล้ว! รัฐบาลประยุทธ์

จากรัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. จนถึงรัฐบาลการเลือกตั้งภายใต้กติกา คสช.หลังปี 2562 เป็นเวลา 8 ปีที่บางคนดื่มด่ำกับการคืนความสุข ก็ตื่นมาจากการแฮงค์ พร้อมตระหนักได้ว่า การคืนความสุข กลับไม่ได้สุขจริงๆ มีแต่คำสัญญาลมปาก กับฝันร้ายที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าและเกิดขึ้นกับตัวเอง จะแสร้งทำเป็นไม่เคยเกิดขึ้นก็เหมือนหลอกตัวเองจนเสียสำนึกไปถึงขั้นเกินรับไหว

แต่สำหรับรัฐบาลประยุทธ์ แม้เลือกด้อยค่าการทำมตินอกสภา พวกเขาก็คิดหนัก เพราะ การโหวตไม่วางใจรัฐบาลนอกสภา ก็เหมือนประกาศล่วงหน้าแล้วว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ จะเกิดอะไรกับขึ้นกับพวกเขา

หากประชาชนพิพากษาในวันเข้าคูหาว่า รัฐบาลประยุทธ์จะต้องชดใช้ถึงสิ่งที่ทำลงไป ไม่นับคดีกบฎฐานก่อการรัฐประหาร ซึ่งพี่ใหญ่ที่บอกตัวเองไม่เกี่ยวก็ไม่รอดด้วย

การยกมือยิ้มระรื่นภูมิใจในการก่อรัฐประหารกลางสภาเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็อาจกลายเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันครั้งสุดท้ายของประยุทธ์ก็ได้