ถือเป็นยามยากของ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่เลือดไหลไม่หยุด นับตั้งแต่เลือกตั้งปี62 หากเปรียบ ปชป. ก็คือ “โรงเรียนการเมือง” ที่ย่อมมีคนเข้าคนออกเป็นธรรมดา ตาม “วิถีนักเลือกตั้ง” ที่ต้องแสวงหาโอกาสทางการเมือง แต่ในยุคนี้กลับเป็นการ “ดูด” เพื่อเสริมทัพของ “ขั้วอำนาจ 3ป.” ที่หลายคนออกจาก ปชป. มาแล้ว กลายเป็น “หมากทางการเมือง” ให้กับ “3ป.” ในช่วงเวลาแห่งการ “ผ่องถ่ายอำนาจ” และการ “วางทายาทการเมือง” หลังทั้ง 3ป. เข้าสู่อำนาจมาแล้วเกือบ 8 ปีแล้ว

เริ่มจากบุคคลที่ถูกจับตามานาน แต่เจ้าตัวกลับ “โลว์โปร์ไฟล์” นั่นคือ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายการเมือง ที่ชื่อกลับมาอยู่บนหน้าสื่ออีกครั้ง หลังมีกระแสข่าวว่า “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หน.พลังประชารัฐ เตรียมตั้งเป็น “ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค” ที่เหลือเพียงสมัครสมาชิก พปชร. เท่านั้น

ทั้งนี้ “พีระพันธุ์” ได้ลาออกจาก ส.ส.ประชาธิปัตย์ เพื่อมาทำงานกับ “3ป.” โดยได้ชื่อว่าเป็น “สายตรง” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่หลายงาน สะท้อนถึงความ “ไว้วางใจ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ มีให้ ได้แก่ ประธาน กมธ.ศึกษาแนวทางแก้ไข รธน. , คณะผู้ทำแผนฟื้นฟูการบินไทย , การแก้ปัญหาเหมืองทองอัครา เป็นต้น

สำหรับ “พีระพันธุ์” เป็นบุตรชาย พล.ท.ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ อดีตเจ้ากรมการพลังงานทหาร ผู้ก่อตั้งปั๊มน้ำมันสามทหาร เรียนจบจาก ร.ร.เซนต์คาเบรียล เป็นรุ่นพี่ “บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการพระราชวัง อดีตผบ.ทบ. เพียง 1 ปีเท่านั้น โดยทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม คบหากันแบบเพื่อน และมิตรภาพยังคงอยู่มาถึงทุกวันนี้ และต่างเข้าใจวัฒนธรรมกัน เพราะต่างเป็นลูก “อดีตนายทหาร” อย่างไรก็ตามทั้งคู่มี “รุ่นพี่” ชื่อ พล.อ.ประวิตร ด้วย โดย พล.อ.ประวิตร มี “เพื่อนร่วมรุ่นเซนต์บาเบรียล” ได้แก่ “เสี่ยคราม”ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ “หม่อมอุ๋ย”ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นต้น

จึงต้องจับตาบทบาทของ “พีระพันธุ์” นับจากนี้ เพราะเคยมีชื่อติดโผ “แคนดิเดตนายกฯ” ด้วย ตามสเปกนายกฯคนใหม่ของ “ขั้วอำนาจ 3ป.” ที่ต้องการให้เป็น “พลเรือน” และมีภาพลักษณ์ดี ในส่วนแคนดิเดตนายกฯคนอื่นๆ ก็มี “ภูมิหลัง” คล้ายๆกัน คือ เป็นลูกหลานอดีตนายทหาร มีเครือญาติเป็นนายทหาร หรือมีคอนเนกชั่นถึง 3ป.

ทว่าหาก “พีระพันธุ์” เข้าไป พปชร. ตามกระแสข่าว ในตำแหน่ง “ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค” ก็เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ส่งคนสายตรงไปดู พปชร. อย่างชัดเจน ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นการ “วางสมดุลอำนาจ” ภายใน พปชร. เองด้วย หลัง “บิ๊กป้อม” ยังคงเก็บ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็น เลขาธิการ พปชร. ไว้อยู่ และอีกชื่อที่ติดโผมาเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค คือ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำกลุ่มสามมิตร ที่หันมาเข้าหา “ป.ประยุทธ์” มากขึ้น และถือเป็นการ “ปลอบใจ” ที่พลาดตำแหน่ง ปธ.กรรมการยุทธศาสตร์ พปชร. ไปด้วย

ล่าสุดมีการ “ปล่อยข่าว” มาจาก “ตึกไทยคู่ฟ้า” ถึงการปรับ “ครม.ประยุทธ์2/5” โดยเตรียมดึง “ดร.ซุป-ศุภชัย พานิชภักดิ์”อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) จะเข้ามาเป็นรองนายกฯและรมว.พลังงาน แทน “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” มาพร้อมการโหมข่าว “เก็บห้องรองนายกฯ” ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบฯ จนทำให้ “ที่ปรึกษานายกฯ” ต้องออกมาชี้แจงเป็นการด่วนว่าเป็นการเก็บห้องไม่เกี่ยวกับการปรับ ครม. เพียงแค่ทำความสะอาดให้ “ที่ปรึกษานายกฯ” ที่หมุนเวียน เข้ามาใหม่ หลังมีคนเกษียณฯ 30ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมยืนยันไม่ได้รับแจ้งเตรียมปรับ ครม.

ต่อมา “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาโต้กระสข่าวแทนคุณพ่อ ว่า ข่าวนี้ไม่น่าจะจริง เพราะคุณพ่อยังคงสนับสนุนใกล้ชิดกับพรรค ปชป. อยู่ และยังเป็นมันสมองด้านเศรษฐกิจให้กับ ปชป. ด้วย

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า “ศุภชัย” เองก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ และมีการพูดคุยกันอยู่ตลอด สำหรับ “ศุภชัย” จบจาก ร.ร.เซนต์คาเบรียล รุ่นราวคราวเดียวกับ พล.อ.ประวิตร เพราะอายุห่างกันไม่ถึง 1 ปี จึงเรียนทันกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ชื่อ “ดร.ซุป” ก็ติดโผ “แคนดิเดตนายกฯ” เช่นกัน แต่ในเบื้องต้นชื่อ “ดร.ซุป” อาจได้ลุ้นนั่ง “รองนายกฯ” ก็เป็นได้ เพราะตอนนี้เก้าอี้ ครม. ว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง การปล่อยชื่อมาเช่นนี้ ย่อมมี “สัญญาณ” เพื่อหยั่งเชิงบางอย่างในทางการเมือง โดยเฉพาะกับ ปชป. และเพื่อ “เช็คเรตติ้ง” ไปในตัวด้วย ซึ่งทุกอย่างอยู่ที่ “พี่น้อง 3ป.” จะเอาอย่างไร

ในอีกด้านก็เป็นการ “ยึดอำนาจ ปชป.” ด้วย เพราะเป็นการ “ดึงคีย์แมน-คลังสมอง” ของ ปชป. ออกมา อยู่กับ “ขั้วอำนาจ 3ป.” ไม่นับรวม กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงนามคำสั่งให้ พล.อ.ประวิตร คุมหน่วยงานและกรมที่ ร.อ.ธรรมนัส เคยดูแลขณะเป็น รมช.เกษตรฯ จากเดิมที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ทำหน้าที่ปฏิบัติราชการแทน ในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแล กระทรวงเกษตรฯ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ ปลด ร.อ.ธรรมนัส ที่ทำให้ ปชป. ไม่พอใจอย่างมาก
.