เชิงบันไดทำเนียบ : “เสธ.อ้น” ขุนพลลับ “2ป.” มือปราบกบฏเกียกกาย เบื้องหลังสกัด “แผนล้มนายกฯ”

หนึ่งในอดีตนายทหาร สายเลือดทหารเสือฯ ร.21 รอ. เช่นเดียวกับ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อยู่ “เบื้องหลัง” ปฏิบัติการสกัด “แผนล้มนายกฯ” กลางสภา นั่นคือ “เสธ.อ้น”พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา สมาชิก ส.ว. จบ ตท.19 จปร.30 ซึ่งชื่อ “เสธ.อ้น” ปรากฏเป็นข่าวตั้งแต่แรกตั้ง “พรรคพลังประชารัฐ” ผ่านการปฏิบัติการลับเดินเกม “ดึงนักการเมือง” มาร่วม พปชร. ทำงานให้กับ “2ป.ประวิตร-ประยุทธ์” ซึ่ง “เสธ.อ้น” เคยให้สัมภาษณ์สื่อ เรียกทั้ง 2ป. ว่า “นาย”
.
สำหรับ “เสธ.อ้น” เติบโตในราชการ ด้วยการสนับสนุนจาก “บิ๊กตู่” เติบโตจาก ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร ก่อนขึ้นเป็น รองเสธ.ทบ. และขึ้น พลเอก ในตำแหน่งหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ด้วยเนื้องาน “ข่าวกรอง” จึงได้มาพบกับ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง จากนั้น “เสธ.อ้น” ได้ลาออกจากราชการ เพื่อมาเป็น ส.ว. และมาทำงานการเมือง

หนึ่งในปฏิบัติการที่ “เสธ.อ้น” ถูกพูดถึงคือการเดิมเกมกดดัน “สี่กุมาร” ให้พ้นจาก พปชร. โดยให้ “อุตตม สาวนายน” ลาออกจาก พปชร. หรือที่เรียกว่า “ปฏิบัติการยึดคืนพรรค” โดยที่ “บิ๊กป้อม” นำร่องเข้าพรรค โดยการนั่ง ปธ.คณะกรรมการยุทธศาสตร์ พปชร. ก่อนขึ้นเป็น “หัวหน้าพรรค” เอง ซึ่งปฏิบัติการครั้งนั้น ถูกปูทางโดยเหตุการณ์ ที่ “เสี่ยเฮ้ง”สุชาติ ชมกลิ่น เมื่อครั้งเป็น ประธาน ส.ส.พรรค ได้มีเหตุการณ์ไลน์ ‘24ส.ส.ภาคกลาง’ หลุด ที่มี ‘เสี่ยเฮ้ง’ สนทนาในกรุ๊ปด้วย ที่ตอกย้ำถึงการทำงานของ ‘อุตตม-สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ ที่ดูแล ‘ลูกพรรค’ ไม่ทั่วถึงในช่วงโควิด ที่ลูกพรรคต้องลงพื้นที่
.
สำหรับ “เสธ.อ้น” ก็มี “กำลัง” ภายใน พปชร. ไม่ได้อยู่ในสภาวะ “ขาลอย” เฉกเช่น “บิ๊กตู่” ดังนั้น “เสธ.อ้น” จึงมีเสียงภายใน พปชร. รวมทั้งถูกมองว่าเป็น “สายตรง” ของ “2ป.ประวิตร-ประยุทธ์” ในการมาทำงานการเมือง
.
จนล่าสุดจากเหตุการณ์ “แผนล้มนายกฯ” กลางสภา ก็มีชื่อ “เสธ.อ้น” ที่เป็น “มือเดินเกม” เพื่อสกัดแผนการนี้ แต่ด้วยการที่ “เสธ.อ้น” เป็น ส.ว. ด้วยนั้น จึงทำให้ “ปฏิบัติการ” จึงไม่โจ่งแจ้ง เพราะ “เสธ.อ้น” ก็ต้องระวังตัวเองเช่นกัน จนสุดท้ายทำให้แผนการล้มนายกฯต้องล่มไป ซึ่ง “เสธ.อ้น” ไม่ได้ลงมาที่หน้างานเอง แต่ทำหน้าที่ในลักษณะการข่าวที่ถนัด โดยการสืบหาข้อเท็จจริง จึงพบว่ามีกระบวนการ “ล็อบบี้โหวตล้มนายกฯ” เกิดขึ้นจริง ก่อนที่ “บิ๊กตู่” จะปฏิบัติการตีกลับ เพื่อชิงความได้เปรียบคืนมา ทำให้ที่รัฐสภาฝุ่นตลบตลอด 4 วัน ก่อนถึงวันลงมตินั่นเอง ซึ่งช่วง 1-2 วันแรก ท่าทีของ “บิ๊กตู่” ก็ออกอาการไม่น้อย จนมีท่าทีผ่อนคลายในช่วงวันหลังๆ

แต่สุดท้าย “ผลโหวต” ที่ออกมา ก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้อง “เสียหน้า” ไม่น้อย เพราะได้ “ไว้วางใจ” น้อยที่สุด ซึ่งในอีกแง่หนึ่งก็สะท้อนว่ามี “เค้าโครง” การคิด “ปฏิวัติเกียกกาย” เกิดขึ้นจริง
.
บทบาท “เสธ.อ้น” ยังคงต้องจับตาต่อไป !!