ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 สิงหาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | เชิงบันไดทำเนียบ |
ผู้เขียน | ปรัชญา นงนุช |
เผยแพร่ |
ศึกเก่าไม่ทันจาง เกิดศึกใหม่ขึ้นอีกครั้ง ระหว่าง “พรรคเพื่อไทย-ก้าวไกล” มาถึงจุดที่ไม่ไว้หน้ากัน หลังความสัมพันธ์ “ระหองระแหง” ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองพรรคต่าง “ขบเหลี่ยม” กันมาตลอด ยิ่งในช่วงปี64 ที่กระแส “แก้ รธน.” ถูกปัดฝุ่นอีกครั้ง กลายเป็นว่า “เพื่อไทย-พลังประชารัฐ” มีจุดยืนร่วมกัน ในเรื่องแก้ รธน. เปลี่ยนเป็น “บัตร 2 ใบ”
แม้ว่าที่ผ่านมา “พี่โทนี่-ทักษิณ ชินวัตร” (ตท.10) จะออกมา “แซะ” พี่ป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (ตท.6) หน.พลังประชารัฐ อยู่เรื่อยๆ บางครั้งก็พูด “ทวงบุญคุณ” เมื่อครั้งตั้งเป็น ผบ.ทบ. สมัย รบ.ทักษิณ 2 และด้วยแรงหนุนจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ที่ทรงอิทธิพลทางการเมืองในยุคนั้น รวมทั้งแรงหนุนจาก “บิ๊กเหวียง”พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รมว.กลาโหม ในขณะนั้น ซึ่ง พล.อ.เชษฐา ได้ชื่อว่าเป็น “บูรพาพยัคฆ์” รุ่นบุกเบิก สู่เส้นทางเหล็กของทหารสายนี้ ไม่นับรวม “ส.ส.ถิ่นบูรพาพยัคฆ์” ที่หนุน “บิ๊กป้อม” ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เช่น “ป๋าเหนาะ”เสนาะ เทียนทอง และ “เสี่ยไก่”วัฒนา เมืองสุข
แต่ผิดไปจาก “ผู้กองมนัส”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า (ตท.25) เลขาธิการ พปชร. ที่ “พี่โทนี่” แทบไม่แตะไม่แซะให้ได้เห็น
ย้อนไปในอดีต “ผู้กองมนัส” มาอยู่ในสนามการเมือง ตั้งแต่ยุค “ไทยรักไทย” แต่ยังไม่มีบทบาทนำ โดยเข้ามาอยู่กับ “เสธ.ไอซ์”พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต เพื่อน ตท.10 ของทักษิณ โดยขณะนั้น “เสธ.ไอซ์” เป็น อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง
ซึ่ง “ผู้กองมนัส” มามีบทบาทจริงๆ ช่วงพรรคเพื่อไทยแล้ว ในการดูแลพื้นที่ภาคเหนือ ประสานงานร่วมกับ “เจ๊แดง”เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ต่างเป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ก็ไม่เคยพูดพาดพิง “ทักษิณ” ให้ได้ยิน
“เป็นเตรียมทหารรุ่นน้อง แต่ไม่เคยทำงานร่วมกัน ทราบว่ามาอยู่เพื่อไทยช่วงหนึ่ง ก็ได้พูดคุยกันบ้าง ในฐานะรุ่นน้อง เห็นเป็นคนที่มุ่งมั่นทางการเมือง อยากเติบโตทางการเมือง เป็นเรื่องส่วนบุคคล ตอนไปอยู่ พปชร. ก็ทราบว่าจะไปอยู่พปชร. วันนี้ได้เป็นเลขาฯพรรค เป็นเรื่องภายในของพรรค จะไปวิจารณ์ไม่ได้ แต่ละพรรคมีกลยุทธ์ของตัวเอง” นายทักษิณ กล่าว
ดังนั้นการขึ้นมาเป็น “เลขาธิการ พปชร.” ของ ร.อ.ธรรมนัส จึงขึ้นมาด้วย “ภารกิจสำคัญ” เพราะชื่อ ร.อ.ธรรมนัส เป็นชื่อที่มี “แรงต้าน” ด้วยประวัติในอดีต แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นชื่อที่ “ตอบโจทย์” ของขั้วอำนาจ “3ป.” ที่ “พี่ใหญ่ป้อม” ได้เลือกแล้ว ว่า “ได้” มากกว่า “เสีย” ส่วน “บิ๊กตู่” ก็ต้องยอมปล่อยไป แม้จะห่วงเรื่องภาพลักษณ์ต่างๆ แต่ถือว่า “พี่ป้อม” ตัดสินใจแล้ว ล่าสุด “บิ๊กตู่” ได้ส่งตัวแทน ไปมอบดอกไม้ของขวัญ อวยพรันเกิด ร.อ.ธรรมนัส อายุครบ 56 ปี 18ส.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด “เพื่อไทย-ก้าวไกล” เปิดศึกกันเอง แบบไม่มีเกรงใจ ต่างคนต่างพูดเหมือน “หนังคนละม้วน” ปมชื่อ “บิ๊กป้อม-ผู้กองมนัส” หลุดจาก “ศึกซักฟอก” ทำให้ “ฝั่งก้าวไกล” โยงไปในเรื่อง “อภิมหาดีล” ทำให้ฝั่งพรรคเพื่อไทยไม่พอใจอย่างยิ่ง ตอบโต้กันไปมาผ่านโซเชียลฯ ถึงระดับ “ผู้ใหญ่พรรค” อย่าง “อ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย” ต้องออกโรง “สอนมวย” เองเลย
อย่างไรก็ตาม จะพบว่าแกนนำ “พลังประชารัฐ” หลายคน ก็ล้วนเคยอยู่กับ “ไทยรักไทย-เพื่อไทย” มาก่อน ทำให้ทั้ง “พปชร.-เพื่อไทย” เปรียบเป็น “พรรคพี่น้อง-คนกันเอง” ไปในตัว เพราะต่าง “รู้จักมักคุ้น” กันหมด
ทั้งนี้มีการปล่อยข่าวกันถึงขั้นว่า “เพื่อไทย” อาจถูกเทคโอเวอร์เป็น “พรรคสาขา” ของ พปชร. เลยทีเดียว เพราะขั้ว พปชร. จ้อง “ดูด ส.ส.เพื่อไทย” มาร่วมทัพเลือกตั้งครั้งหน้า หรือดูดไป “พรรคสำรอง” ของ พปชร. ที่อยู่ระหว่าง “ตั้งไข่พรรค” อยู่ เตรียมเปิดตัวแรงในอนาคต
ย้อนกลับไปในอดีต อย่าลืมว่า “ศึกซักฟอก” ครั้งที่แล้ว “ผู้กองธรรมนัส” ได้คะแนนไว้วางใจมากที่สุด และเสียงไม่ไว้วางใจน้อยที่สุด โดยมีเสียงจากฝั่งฝ่ายค้าน “ปันใจ” จึงได้เสียงไว้วางใจมากกว่า “บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก” และได้เท่ากับ “บิ๊กป้อม” ด้วย
ทั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “เพื่อไทย” ถูกคำครหาเช่นนี้ เพราะเมื่อครั้ง “ศึกซักฟอก” ครั้งแรกต้นปี63 แม้จะมีชื่อ “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก” แต่ก็ “หลุดกลางสภา” เพราะการไล่ลำดับอภิปรายไปไม่ถึงชื่อทั้งคู่ ถูกวิจารณ์หนักเป็น “มวยล้มต้มคนดู” หรือไม่ ทำให้ “ก้าวไกล” ต้องมาอภิปรายนอกสภา ถือเป็น “รอยร้าวแรก” ระหว่าง “เพื่อไทย-ก้าวไกล”
ในสภาวะที่ “เพื่อไทย” ยิ่งมี “ระยะห่าง” กับ “ก้าวไกล” มากเท่าใด อีกด้านก็กลับมีสภาวะ “ขยับใกล้” ฟาก “พลังประชารัฐ” มากขึ้น เพราะกระดานการเมืองในอนาคต ถูกออกแบบ ให้ไร้ “พรรคก้าวไกล” นั่นเอง
สายเลือด ‘เตรียมทหาร’ ดีเอ็นเอ ‘ไทยรักไทย’ !!