การชุมนุมของ “กลุ่มสามนิ้ว-คาร์ม็อบ” ช่วงครึ่งเดือน ส.ค. มีการเปรียบเทียบภาพกับยุค “พฤษภาทมิฬ 2535” ถึงภาพการปะทะและความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่หากดู “เนื้อแท้” แล้วนั้น เหตุการณ์ยังแตกต่างกัน ในยุคพฤษภาทมิฬ 2535 เป็นการเผชิญหน้าระหว่าง “ทหาร-ผู้ชุมนุม” แต่ในปัจจุบันเป็นการเผชิญหน้าระหว่าง “ตำรวจ-ผู้ชุมนุม” ทำให้รูปแบบการ “ควบคุม” ต่างๆ ยังแตกต่างกัน

ทั้ง “3ป.บูรพาพยัคฆ์” ล้วนเห็นเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ 2535” โดยในขณะนั้น “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น ผู้การ ร.12 รอ. “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ขณะนั้นเป็น เสนาธิการ ร.21 รอ.-รองผู้การ ร.21 รอ. ส่วน “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะนั้นเป็น ผบ.ร.21 พัน.2 รอ.

ซึ่งทั้ง “3ป.” ก็ขึ้นมาเป็น “นายทหาร” ในถิ่น “บูรพาพยัคฆ์” ช่วงยุคปี2535 ผ่านมาอีกราว 10 กว่าปี ทั้ง “3ป.” ก็ขึ้นสู่ตำแหน่งหลักใน ทบ. จนทั้ง “3ป.” ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ทั้งหมด ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ทั้ง “3ป.” ต้องกรำศึกกับ “คนเสื้อแดง” ไปพร้อมกัน

ในยุคปี52-53 รบ.อภิสิทธิ์ ในขณะนั้น “บิ๊กป้อม” เป็น รมว.กลาโหม “บิ๊กป๊อก” เป็น ผบ.ทบ. ส่วน “บิ๊กตู่” อยู่ในตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. ก่อนขึ้นเป็น ผบ.ทบ. หลังเหตุการณ์ “พฤษภา 53” ยุติไปแล้ว

สิ่งเหล่านี้สะท้อน “ก้าวย่าง” ของ “พี่น้อง 3ป.” ที่ผ่านเหตุการณ์การเมืองไทยครั้งใหญ่ในห้วง 30 ปีมาตลอด นับจากพฤษภาทมิฬ 2535 – รัฐประหาร 19ก.ย.49 – เหตุการณ์ปี52-53 จนสุดท้ายทั้ง “3ป.” ได้ขึ้นหลังเสือเอง ในเหตุการณ์รัฐประหาร 22พ.ค.57 ซึ่งทั้ง “3ป.” ก็เห็น “บทเรียน” ในแต่ละยุค และ “ถอดบทเรียน” เพื่อไม่ให้ “ซ้ำรอย-เสียของ” อีก

ดังนั้นจากเหตุการณ์ชุมนุมขับไล่ “เครือข่ายประยุทธ์-ระบอบ 3.” ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทั้ง “3ป.” รู้ช่วงจังหวะและรู้วิธีรับมือ ซึ่งปัจจัยที่ต้องระวังคือ “ทหาร-กองทัพ” ทำให้ “3ป.” หลีกเลี่ยงการนำกำลังทหารออกมาควบคุมสถานการณ์ และบังคับใช้กฎหมายอยู่เพียง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นหลัก ไม่ยกระดับเป็น พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หรือ กฎอัยการศึก ที่ใช้กำลังทหาร แต่ยังคงใช้กำลัง ตร. เป็นหลัก และใช้ “กระบวนการทางกฎหมาย” ดำเนินคดีผู้ชุมนุม

ทว่าในปัจจุบัน “กองทัพ” กับ “รัฐบาล” ก็ไม่ได้เป็น “เอกภาพหรือเนื้อเดียวกัน” เท่ากับยุค คสช. ด้วยปัจจัย “ดุลอำนาจ” ในกองทัพที่เปลี่ยนไป หลังถูกปรับโครงสร้าง-ธรรมเนียมต่างๆใหม่ รวมทั้ง “ผบ.เหล่าทัพ” ยุคปัจจุบัน มี “ระยะห่าง” กับ “รัฐบาล-นายกฯ” เห็นได้ชัดเจนว่า “กองทัพ” ในปัจจุบัน จะไม่ออกตัวแรงหรือออกหน้าให้รัฐบาล และทำงานตามหน้าที่เท่านั้น ซึ่ง “ผบ.เหล่าทัพ” ชุดปัจจุบัน ก็ไม่ได้โตมาจาก “สาย 3ป.” เฉกเช่น ผบ.เหล่าทัพยุคก่อนหน้านี้

ดังนั้นโอกาสที่ “ทหาร” จะออกมา จึงเป็นไปได้ยาก เพราะเสียงจากฝั่ง “ทหาร” ก็มองว่า “การเมือง” ต้องแก้ด้วย “การเมือง” ไม่ใช่ “การทหาร” นั่นคือการทำผ่าน “กลไกรัฐสภา” และ “รัฐธรรมนูญ” ซึ่งทั้ง “3ป.” และ “กองทัพ” ต่างรู้ดีถึงบทเรียนในอดีต ผนวกกับ “ข้อเรียกร้อง” ของผู้ชุมนุมที่ “ทะลุเพดาน” ด้วยแล้วนั้น หาก “ทหาร” ออกมา ทุกอย่างจะยิ่งแย่กว่าเดิม