วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ : พลังการเจรจาการต่อรองเรื่องวัคซีน

ทีดีอาร์ไอ หรือ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ไม่ทราบเขียนถูกหรือเปล่า เพราะหน้าแรกในเว็บไชต์ของท่านมีแต่ชื่อเต็มที่เป็นภาษาอังกฤษ) ได้ออกเอกสารวิพากษ์การทำงานของรัฐบาล และให้ข้อเสนอแนะว่ารัฐบาลควรจัดตั้งดรีมทีมทำงานเต็มเวลาเพื่อเจรจาจัดหาวัคซีน

รัฐบาลคงนึกตอบในใจว่าอ้าวที่ข้าแต่งตั้งมาก็ดูเหมือนมีแต่คนเก่ง ๆ ทั้งนั้น และ ก็ทำงานกันทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้ว จะให้ตั้งทีมไหนอีก

ผมคิดว่าดรีมทีมที่มีอยู่แล้วและที่จะตั้งใหม่ในอนาคต ก็คงเจรจาให้ได้วัคซีนในเวลาอันสั้นได้ยาก เพราะการเจรจานี้เราเป็น under dog หรือสุนัขตัวที่เสียเปรียบอยู่ข้างล่าง

มีคำอธิบายจากผู้เชี่ยวชาญในโลกตะวันตกว่า ตอนนี้โรงงานต่าง ๆ ผลิตได้ไม่พอกับความต้องการ เนื่องด้วยความจำกัดทางเทคนิค ผมไม่ค่อยเชื่อคำอธิบายนี้ ผมคิดถึงท่านสุนทรภู่ที่สาธยายความรู้สึกของอุศเรนผู้แพ้ศึกที่ตอบสินสมุทรจอมพลังว่า “อาบน้ำร้อนก่อนเจ้าข้าเข้าใจ เมื่อไม่ให้แล้วก็ว่าสารพัน”

อุศเรนแห่งกรุงลงกาได้สู่ขอนางสุวรรณมาลีถูกต้องทำนองคลองธรรม ระหว่างส่งตัวพระอภัยมณีอาศัยรูปหล่อกว่าทำให้นางสุวรรณมาลี (นางดอกไม้ทอง) บอกว่าไม่ไปละ ขอเป็นเมียพระอภัยมณีดีกว่า พระอภัยมณีก็เห็นแก่สตรีมากกว่าการสัจจะที่เคยให้กับอุศเรนไว้ ในที่สุดก็มีตัวต่อรองที่เด็ดขาด คือ นางวาลีเจรจาเย้ยหยันจนอุศเรนอกแตกตาย

ตกลงพระอภัยมณีก็เลยลอยตัวเหนือความขัดแย้ง อาศัยลูกชายจอมพลังและนางสนมฝีปากกล้าเอาชนะฆ่าอุศเรนอย่างเลือดเย็นได้นางดอกไม้ทองไปเป็นเมียอีกคน

 

เรื่องชู้สาวทำนองนี้ทำให้คิดถึงกวนอู ซึ่งโจโฉจัดการให้อยู่บ้านเดียวกับเมียของเล่าปี่ ด้วยหวังว่าจะให้เล่าปีกับกวนอูแตกคอกัน กวนอูก็พิสูจน์ความเป็นเทพเจ้าแห่งสัจจะโดยการนั่งถือง้าวจุดไฟอยู่แต่หน้าบ้านปกป้องภรรยาของพี่ชายร่วมสาบานอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ว่ามาตรฐานศีลธรรมของตัวละครในสองเรื่องนี้ต่างกันมากซึ่งอาจจะสะท้อนค่านิยมเรื่องความเป็นชายที่ต่างกันระหว่างวัฒนธรรมอย่างยิ่ง

เอาละ เรากลับมาสนใจเรื่องการเจรจาดีกว่า ในช่วงนี้ ประเทศทุนนิยมมีเทคโนโลยีที่จะช่วยคนทั้งโลกได้ นอกจากเทคโนโลยีแล้ว ยังมีกฎหมายทางการค้า เงื่อนไขเจรจาต่อรองอีกมากมายมายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของทุน ข้อกำหนดที่ต้องซื้อขายกับรัฐบาลเท่านั้นเป็นการฮั้วกันเพื่อรักษาสถานะของผู้ผูกขาดน้อยราย นอกจากนั้น ในสัญญายังระบุว่าห้ามเปิดเผยสัญญาที่กระทำกันออกสู่สาธารณชน ความไม่โปร่งใสเหล่านี้เป็นประโยชน์โดยตรงกับฝ่ายเจ้าของเทคโนโลยี และเป็นหายนะของมนุษยชาติที่กำลังรอคอยวัคซีน

ด้วยการถือครองเทคโนโลยีของทุนนิยม และการออกกฎที่ตนเองได้เปรียบสถานเดียว ไม่ว่าจะส่งใครไปเจรจา ก็จะตกอยู่ในฐานะ under dog ทุกคณะ

 

ผมคิดว่าพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก น่าจะเป็นพลังทางศีลธรรมซึ่งมีอยู่ในตัวของมนุษยชาติ พลังนี้ไม่ได้รับการปลดปล่อยมาช่วยแก้สถานการณ์โควิดของโลก ทำให้คนในโลกต้องสยบอยู่ใต้จอมมารทุนนิยม แล้วมาทะเลาะกันเอง หาคนที่จะเอาลูกกระพรวนไปผูกคอแมว

ถ้าประเทศไทยใช้วิธีการเจรจาแบบนี้เมื่อสามสิบปีที่แล้ว ป่านนี้คนไทยคงเป็นเอดส์ตายหมดแล้ว พลังการเจรจาเพื่อปลดปล่อยเทคโนโลยีการแพทย์ให้พัฒนายาต้านไวรัสเอชไอวี ได้รับการปลดปล่อยจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากคนจน เป็นคนที่สิ้นหวังในชีวิตในสมัยนั้น คนติดเชื้อเหล่านี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ยุคใหม่ เรียกร้องพลังทางศีลธรรมของโลกให้กลับคืนมา

ประเทศไทยเคยเป็นประเทศผู้นำด้านการระดมการเรียกร้องจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลก ทำให้วิทยาศาสตร์การแพทย์มาแก้ไขปัญหาของคนนับร้อยล้าน และทำให้ระบบเศรษฐกิจทางการค้ายาเอชไอวีเปลี่ยนไปเป็นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า อันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

ขอบคุณสำหรับการบริจาควัคซีนเล็ก ๆ น้อยจากรัฐบาลประเทศทุนนิยม แต่การแก้ปัญหาอันหนักหน่วงของโลกเวลานี้ โดยความเมตตากรุณา (charity-based) ของท่าน มันช่วยคนได้น้อยมาก ทั่วโลกมีปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และเราก็เชื่อว่าการเข้าถึงเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SGD) ต้องใช้หลักสิทธิของมนุษย์ (right-based) ของความเท่าเทียม ไม่ใช่ความเมตตาปราณีของผู้ได้เปรียบ

 

สื่อมวลชนครับ ขอให้พยายามให้จงหนักเพื่อให้พวกเราตาดำ ๆ ได้เห็นข้อความในสัญญา ไม่ว่าจะลงนามแล้ว หรือร่างที่ยังไม่ลงนาม ท่านมีหน้าที่กระจัดปัดเป่าหมอกควันอันมืดมัวให้เห็นเล่ห์กระเท่ของอีกฝ่ายหนึ่ง

ขอวิงวอนท่านช่วยไปสัมภาษณ์ ซีอีโอ ของบริษัทในไทยและบริษัทแม่ต่างชาติว่าทำไมเขาต้องทำสัญญาให้เป็นความลับ ให้เขาให้คำตอบต่อประชาชน

ท่านเอ็นจีโอ ในประเทศไทยทั้งหลาย ท่านจะเป็นดรีมทีมของผมในการระดับเอ็นจีโอทั่วโลก แก้ปัญหาการผูกขาดวัคซีนของทุนนิยมตะวันตก ถ้าท่านไม่ช่วยระดมพลังศีลธรรมของโลกไปต่อต้านความโลภของทุนนิยม ชาวโลกจะต้องยอมจำนนจมปลักอยู่ในสถานการณ์ไปอีกนาน