วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ : กอบกู้คุณภาพชีวิตของเราที่ถูกโควิดยึดไปคืนมาให้ได้

เชื้อสายพันธุ์อังกฤษแพร่ได้เก่งก็จริง แต่ช่วงนี้ไทยเราก็ไม่เลว ยันโควิดไว้ได้ดีพอควร ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่รายงานอยู่แถว ๆ สองพันต่อวันมาเป็นสัปดาห์แล้ว และจำนวนตายก็ต่ำกว่ายี่สิบคนต่อวัน ความดีอันนี้ต้องยกให้กับความร่วมมือของประชาชน ทำให้เรายันโควิดไว้ได้ทั้ง ๆ ที่วัคซีนเราจะมาช้าและฉีดได้ยังไม่ครอบคลุม

ปัญหาตอนนี้มีอยู่ว่า เราจะกดตัวเลขให้ลดลงไปได้สำเร็จหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ง่ายเหมือนปีกลาย สายพันธุ์ปัจจุบัน (และก็คงอนาคตด้วย) แพร่เชื้อได้ง่ายมาก เราจึงยังมีกลุ่มติดเชื้อใหม่ ๆ กลุ่มใหญ่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน แต่ละครั้งก็ตามด้วยการติดเชื้อในครัวเรือนซึ่งแทบจะติดกันยกครัวทุกที ในขณะที่เมื่อยกแรก คนติดเชื้อจะแพร่เชื้อในครัวเรือนเพียงราวหนึ่งในห้าเท่านั้น แต่เราอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ถ้าเราสกัดไม่ให้มีการระบาดระเบิดของกลุ่มใหม่ และระงับการไปมาหาสู่ระหว่างครัวเรือน เชื้อที่มีอยู่หาที่ไปไม่ได้ก็จะค่อยลดลง เราก็จะป่วยน้อยลง ตายน้อยลง

แต่เมื่อป่วยน้อยตายน้อยแล้วก็ไม่ใช่ว่าเราจะกลับไปมีชีวิตเหมือนเดิมได้ ถ้าเรากลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เชื้อซึ่งแพร่เก่งอย่างนี้ก็จะระบาดอีก เราจึงต้องอยู่หลบ ๆ ซ่อน ๆ โควิดอยู่ในบ้าน ออกไปไหนก็ลำบากเราโดนโควิดยึดประเทศไปเสียแล้วครับ

 

สำหรับระลอกสามนี้ หน้ากากกับแอลกอฮอล์น่าจะไม่เพียงพอในการสกัดเชื้อเสียแล้วครับ การไม่ไปมาหาสู่กัน ให้แต่ละคนอยู่เฉพาะครัวเรือนของตัวเองน่าจะเป็นมาตรการในการป้องกันที่ดีที่สุด การป้องกันการติดเชื้อโควิดภายในครัวเรือนเดียวกันอาจจะทำได้ยาก แต่การอยู่เฉพาะครัวเรือนของตัวเองจะช่วยให้มัน (โควิด) จบ ๆ ไปในครัวเรือน ไม่ต่อออกไปยังที่อื่น

ครัวเรือน (household) นะครับ ไม่ใช่ครอบครัว (family) ครัวเรือน หมายถึง คนที่อยู่อาศัยในบ้านหลังเดียวกัน ใช้ครัวทำอาหารและกินอาหารด้วยกัน คนในครัวเรือนเดียวกันไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์เชิงครอบครัว ส่วนบ้านในบทความนี้ คือ ตัวอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด

ครัวเรือนที่ดีเป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิตที่ช่วยค้ำจุนทางสังคมและจิตใจให้แต่ละบุคคล ในยุคโควิด การจำกัดกิจกรรมส่วนใหญ่ให้อยู่ในครัวเรือนเป็นเกราะป้องกันทั้งด้านกายภาพ คือ การติดเชื้อ และสิ่งชโลมใจทำให้มนุษย์ยังคงมีสังคมลดความเครียดจากข่าวโควิดได้ เมื่อเราต้องใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้นเราก็ควรปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในบ้านให้น่าอยู่ ซ่อมแซมสิ่งที่ชำรุด ปรับทัศนียภาพ และให้ได้รับแสงสว่างและอากาศบริสุทธิ์ตามธรรมชาติอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ควรเพิ่มกิจกรรมภายในครัวเรือน ให้ทุกคนได้ผ่อนคลาย ออกกำลังกายและมีกิจกรรมร่วมกันทั้งในอาคารและในบริเวณกลางแจ้ง เสริมสร้างร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็งไว้ พร้อมรับวันคืนที่ชีวิตเดิมจะกลับมา

แต่ขอให้จำไว้ว่าต้องเป็นกิจกรรมที่ร่วมกันเฉพาะครัวเรือนใครครัวเรือนมัน ไม่ให้คนต่างครัวเรือนเข้ามาร่วม เพราะนั่นจะเป็นโอกาสไปสู่หายนะ

 

ชีวิตนอกครัวเรือนของคนเมืองที่สำคัญที่สุด คือ ที่ทำงาน ที่ทำงานที่ดีจะมีเพื่อนร่วมงานซึ่งอาจจะช่วยค้ำจุนด้านจิตใจและสังคมได้ไม่แพ้ครัวเรือน แรงงานวัยหนุ่มสาวส่วนใหญ่ต้องอยู่ห่างครอบครัวของตน มากินด้วยกันนอนด้วยกันในหอพักซึ่งมีสภาพเหมือนครัวเรือนใหญ่ ๆ ด้วยความสนิทสนมและใช้เวลาด้วยกันนาน ๆ การแพร่โควิดระลอกสามส่วนหนึ่งจึงเป็นการแพร่ออกไปได้รวดเร็วเช่นกัน

มาตรการส่งเสริมการทำงานที่บ้าน (work from home – wfh) ช่วยตัดวงจรการระบาดในที่ทำงาน แต่การงานหลายอย่างก็ทำที่บ้านได้ลำบาก หรือ ทำไม่ได้เลย เช่น การดูแลผู้ป่วย ธุรกิจบริการท่องเที่ยวเดินทาง งานที่ซึ่งผู้คนต้องมาติดต่อราชการ การขนส่งและสาธารณูปโภค การทำงานประกอบอาชีพประจำวันแบบนี้จึงเป็นความเสี่ยงต่อนำเชื้อโควิดมาติดต่อในครัวเรือน

สถานที่ประเภทที่สามของชีวิต คือ บริเวณกิจกรรมสาธารณะซึ่งมีผู้คนเข้าร่วมประกอบกิจกรรมต่าง ๆ หรือ เดินทางผ่านไปผ่านมา เช่น ถนนหนทาง สวนธารณะ สนามกีฬา ขนส่งมวลชน ศาสนสถาน ถ้าใช้ระยะเวลาในสถานที่นั้นไม่นาน หรือ ผู้คนมีความระมัดระวังการแพร่เชื้อสูง หรือเป็นสถานที่อยู่กลางแจ้งผู้คนไม่หนาแน่นมาก เช่น ตามถนนหนทาง โอกาสติดเชื้อก็ไม่มาก ตามสถิติแล้วการติดเชื้อจากสถานที่เหล่านี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ (event) พิเศษ เช่น พิธีกรรมต่าง ๆ ที่ผู้คนจำนวนมากไปอยู่ใกล้ชิดกันเป็นเวลานาน เพื่อประกอบศาสนกิจ หรือ แข่งกีฬา หรือ การบันเทิงก็แล้วแต่ ถ้ามี event เมื่อไหร่ สถานที่เหล่านี้ก็จะเป็นสถานที่อโคจรทันที

ในช่วงที่เรายังฉีดวัคซีนไม่ครบ ถ้าประชาชนและรัฐบาลอ่อนข้อกับโควิดเมื่อไหร่ การระบาดก็คงจะกลับมา และ เราก็จะต้องทนอยู่ในสภาพปัจจุบันต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ระหว่างนี้เมืองก็คงยังเงียบเหงาต่อเนื่อง รัฐบาลก็จะได้แต่ออกโครงการแจกเงินให้ประชาชนใช้ เนื่องจากประชาชนจะหางานทำได้ยากมาก เราจะอยู่อย่างนี้กันได้นานเท่าไร

 

ถ้าพิจารณาตามโปสเตอร์ซึ่งผมพยายามแปลจาก US-CDC และได้เผยแพร่ไปแล้ว ตราบใดที่เรายังไม่ได้ฉีดวัคซีนกันอย่างทั่วถึง แม้สวมหน้ากากก็จะไม่ยังไม่ปลอดภัยเมื่อออกไปในสถานที่สาธารณะ แต่ถ้าฉีดวัคซีนครบแล้วและสวมหน้ากากเราจะไปกินอาหารอร่อย ๆ เยี่ยมเยียนใครที่ไหน จะไปร่วมชมคอนเสิร์ท กิจกรรมแข่งขันกีฬาก็ถือว่าปลอดภัย ชีวิตก็กลับมาสู่สภาพปกติในที่สุด

วัคซีนจึงเป็นความหวังของประชาชนที่จะได้คุณภาพชีวิตคืนมา เราฉีดวัคซีนไม่ใช่เพื่อป้องกันเราจากโควิดอย่างเดียว แต่เป็นกิจกรรมทางสังคมของชาติไทยทั้งชาติที่จะกอบกู้อิสรภาพคืนมาจากโควิด

เมื่อไทยเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า วีรกษัตริย์ไทย พระเจ้าตากสินมหาราชนำพลกอบกู้ยึดกรุงได้คืนภายในเวลาไม่ถึงปี ตอนนี้เราเสียประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงเทพ ฯ ให้โควิด ลองดูว่ารัฐบาลและประชาชนไทยจะกู้ชาติได้คืนจากโควิดไหมใช้เวลานานเท่าไหร่