อนาคตที่ไม่ธรรมดา และเหตุที่ต้องจับตา “ธรรมนัส” ทีมเสื้อตราไก่ ข้างกาย”บิ๊กป้อม”

หลังจากผ่านนัดชี้ชะตาสำคัญเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 64 กรณีที่ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติ และอ่านคำวินิจฉัยคดีสมาชิกภาพส.ส.และความเป็นรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังจากมี ส.ส. 51 ราย เข้าชื่อร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะทางการเมืองของ ร.อ.ธรรมนัส สิ้นสุดลงหรือไม่ จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายอันถึงที่สุดว่าได้กระทำผิดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้าซึ่งยาเสพติด ที่แม้เป็นคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ กรณีดังกล่าวย่อมทำให้ผู้ถูกร้องเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) และความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (10) หรือไม่

โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่า คำพิพากษา ย่อมหมายถึงคำพิพากษาของรัฐนั้น ไม่หมายถึงคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ แม้ข้อเท็จจริงผู้ถูกร้องเคยต้องคำพิพากษาของศาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย ก่อนรับเลือกตั้งเป็นส.ส. จึงไม่ถือเป็นคำพิพากษาของศาลไทย ไม่ขาดคุณสมบัติต้องห้ามในการเป็นส.ส. หรือ รัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ที่ผ่านมาเราได้เห็นการเคลื่อนไหวสำคัญๆของ ร.อ.ธรรมนัส โดยเฉพาะผลงานการคว้าชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช ส่งผลให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถูกจับตามองอย่างมาก

กล่าวกันว่า การที่ พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่หาเสียงเอง และขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงครั้งแรก มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้สมัคร พปชร.ชนะเลือกตั้ง และชื่อของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังพอขายได้ รวมทั้งนโยบายการแจกเงินผ่านโครงการต่างๆ อีกด้วย

แต่ พล.อ.ประวิตรระบุว่า เพราะคนนครศรีธรรมราชรักพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว เพราะมี ส.ส.อยู่แล้ว 3 คน และคนใต้ชอบการเมืองด้วย ตนเองเป็นแค่ส่วนประกอบ

ที่สำคัญ งานนี้ยังเป็นผลงานของ ร.อ.ธรรมนัสที่ดูแลศึกเลือกตั้ง และลุยลงพื้นที่มาเป็นระยะๆ แล้ว

ทำให้ห้วงการปรับ ครม.ครั้งล่าสุด ร.อ.ธรรมนัสจึงถูกจับตามองว่า จะได้ขยับชั้นขึ้นเป็น รมว.หรือไม่

ประกอบกับการได้รับพระราชทานของขวัญจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เปรียบเสมือนกำลังใจในการทำงาน ก็ยิ่งทำให้ ร.อ.ธรรมนัสถูกจับตามองจากสังคมเป็นพิเศษ

ท่ามกลางกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่เพื่อปูทางไว้สำหรับอนาคต ที่ ร.อ.ธรรมนัสก็มีการเตรียมการไว้ เพราะมี ส.ส.ในมือ 30-40 คนอยู่แล้ว ที่ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.อีสานและภาคเหนือ และตั้งชื่อกลุ่มว่า “อีสานล้านนา” ที่ในอนาคตอาจกลายเป็นชื่อพรรค ?

ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสแค่เตรียมการไว้ก่อน หากมีการยุบสภาในปลายปีนี้ หรือกลางปีหน้า ที่จะมีการเลือกตั้ง แต่ในตอนนี้ต้องช่วยพี่น้อง 3 ป.ในการสร้างพรรคพลังประชารัฐให้แข็งแกร่งเสียก่อน

เพราะมีข่าวสะพัดว่า จากความขัดแย้งระหว่างเสี่ยแฮงค์ นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ และเลขาธิการพรรค กับอาจารย์แหม่ม นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และเหรัญญิกพรรค อาจสะเทือนเก้าอี้เลขาธิการพรรค

ในการปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐหลังจากที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หลุดจากการเป็นรัฐมนตรี

และมีข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส จากรองหัวหน้าพรรค จะขยับมาเป็นเลขาธิการพรรค ที่ทำหน้าที่แม่บ้านของพรรคพลังประชารัฐ เพราะโดยคุณสมบัติและงานที่รับผิดชอบ รวมทั้งผลงานที่ผ่านมา ไม่มีใครปฏิเสธได้ถึงความเหมาะสม เพราะเป็นเสมือนมือขวาของ พล.อ.ประวิตรและเป็นเส้นเลือดใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ

ที่สำคัญ ยังเป็นทีมเดียวกับนางนฤมล และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ที่ พล.อ.ประวิตรไว้วางใจและเดินเกมทางการเมืองให้มาตลอด

แม้ ร.อ.ธรรมนัสยังมีปัญหาในเรื่องภาพพจน์เก่าๆ ในอดีตที่กลายเป็นจุดอ่อนถูกโจมตี ทำให้พี่น้อง 3 ป.ไม่อาจวางตัวเป็นทายาท เป็นนายกฯ ในอนาคต แต่ก็ฝากความหวังไว้ได้ ในการสกัดกั้นฝ่ายตรงข้ามไม่ให้เข้ามายึดอำนาจรัฐ จึงไม่แปลกที่ ร.อ.ธรรมนัสจะเป็นสมาชิกทีมเสื้อตราไก่ของ พล.อ.ประวิตร ที่มีสัญลักษณ์ประจำตัวเป็นรูปไก่ เนื่องจากเกิดปีระกา ที่มักจะทำของที่ระลึกในโอกาสต่างๆ เช่น ปีใหม่ และวันเกิด ที่มีรูปไก่แจกเสมอๆ

นอกจากนี้ การที่ ร.อ.ธรรมนัสสวมแหวนครุฑทอง ก็ถือว่ามีนัยสำคัญ เพราะเป็นความเชื่อเรื่องอำนาจบารมี โดยใส่ตั้งแต่อภิปรายไม่ไว้วางใจ มาจนปัจจุบัน ทุกอย่างก็ราบรื่น ปังปุริเย่ โดยเป็นครุฑทอง สำนักอาจารย์วราห์ ที่ พล.อ.ประวิตรก็เป็นลูกศิษย์ และสะสมครุฑเช่นกัน

การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งจึงทำให้ สปอตไลท์ กลับไป “ส่อง” ที่ “ร.อ.ธรรมนัส” อีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!