อภิญญ ตะวันออก : แด่ หนุ่มสาว (6)

คอลัมน์อัญเจียแขฺมร์//อภิญญ ตะวันออก [email protected]

มรดกเดโช-มรดกวรมัน : บนรอยทางโจวต้ากวน
ย้อนไปราว 800 กว่าปีก่อนตอนที่สุริยวรมันที่ 2 อายุเท่ากับ ฮุน นาล คือราว 14 ปี ก็ซ่องสุมกองทัพในราวป่าและทำการจบังสังหารกษัตริย์ซึ่งเป็นลุงของตนจนได้ขึ้นครองราชย์

และต่อมาวรมันหนุ่มผู้นี้ก็เนรมิตปราสาทหินเหนือทะเลสาบที่กลายเป็นแห่งความมหัศจรรย์ของมนุษยชาติที่เรียกกันว่า “นครวัด”

เรื่องราวของสุริยวรมันที่ 2 ดูจะกลายเป็นตำนานสำหรับวรมันนักรบองค์ต่อๆ มา นั่นคือ ความปรารถนาจะมีเทวสถานที่ทรงพลานุภาพในสถาปัตยกรรมแห่งล้ำค่าไปกว่ายุคสมัยตน

แลชัยวรมันที่ 7 ก็เป็นอีกองค์หนึ่งซึ่งใช้เวลาวัยหนุ่มของพระองค์ไปกับการจบัง/รบ และการสร้างเมืองปราสาทหินที่ชื่อ “นครธม” หรือพระนครหลวงที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมก้าวล้ำและขยายขอบเขตไปกว่ายุคใดในหมู่วรรณะวรมัน

การทำสำเร็จไว้ทั้ง “นครวัด-นครธม” นี้ ได้กลายเป็นเหมือนมรดกกรรมที่ถ่ายทอดเป็นดีเอ็นเอต่อผู้ปกครองประเทศยุคหลัง ทั้งที่มีบุญญาธิการดังเช่น พระบาทสีหนุวรมัน ผู้สร้างปรากฏการณ์ “สตัดโอลิมปิก” โอลิมปิกสเตเดี้ยม ณ ใจกลางนครหลวงในต้นทศวรรษ 60

และก่อให้เกิดการก่อสร้างตึกราม-การปรับภูมิทัศน์ครั้งใหญ่ทั่วทั้งเมืองหลวงกรุงพนมเปญ

 

แลในช่วงเวลานั้น (1966) ฮุน นาล เด็กหนุ่มชนบทแห่งกำปงจามในวัย 14 ปีได้เดินทางสู่เมืองหลวง ที่ซึ่งต่อมาเขาได้เปลี่ยนชื่อตามตัวละครเอกวรรณคดีพระรถ-เมรีคือเจ้าชายรูปงานวรรณะกษัตริย์-รถเสน

เด็กวัดฮุน นาล ในนามใหม่ ฮุน เซน ผู้ซึ่งต่อมาสามารถไต่เต้าสู่อำนาจขึ้นเป็นผู้นำประเทศยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ และต่อมาในตำแหน่งผู้นำ “สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน”

เขาได้ทุ่มเท หมายมั่นที่จะเนรมิตให้เป็นไปตามการสืบทอดแห่ง “ลัทธิวรมัน” อันเก่าแก่ทรงฤทธานุภาพ

“ลัทธิวรมัน” นี้ ที่ผ่านการสืบทอดทางโคตรวงศ์และชนชั้นปกครอง ที่นับเป็นมรดกกรรมแห่งการสำแดงฤทธานุภาพของชนวรรณะปกครองกัมปูเจียคนแล้วคนเล่า

ดังสมัยที่ นโรดม สีหนุ ได้สร้างไว้ โดยมีสถาปนิก วานน์ มุนีวันน์ เป็นผู้ออกแบบ และกลายเป็นผลงานสถาปัตยกรรมที่รับได้รับการยกย่องว่าเด่นล้ำเหนือยุคสมัย แม้ว่าด้วยสิ่งปลูกสร้างที่ไร้ทิศทางของเมืองจะทำให้ผลงานเหล่านี้ นับวันจะถูกกลืนหายไปตามกาลเวลา

เช่นเดียวกับ วานน์ มุนีวันน์ ผู้ปลีกตนวาระสุดท้ายไปอาศัยอย่างสงบที่เมืองเสียมเรียบ

ชายชราผู้เป็นเหมือนข้าราชสำนักคนสุดท้ายจะยอมจำนนต่อความเป็นไปในความจริงที่ว่า ไม่มีอะไรจีรัง

เว้นเสียแต่การสืบทอดแนวคิดของผู้นำที่ว่านี้ เกิดขึ้นโดยไม่ว่าประชาชนยังอยู่ในภาวะทุกข์ยากลำบากเพียงใด แต่หาเป็นอุปสรรคใดๆ ต่อการสืบทอดมรดกกรรมดังกล่าว

นั่นคือ การก่อสร้างวัตถุสถานที่ยิ่งใหญ่โอฬารที่ชื่อว่า “มรดกเดโชพหุกีฬาสถานแห่งชาติ” สปอร์คอมเพล็กซ์ (Morodok Techo National Sports Complex)

 

อภิมหาโปรเจ็กต์ที่ผุดสำแดงโดย สมเด็จเดโชฮุน เซน ครั้งนี้ คือโครงการที่เขาเฝ้าฝันมาตั้งแต่เยือนปักกิ่งในปี 2012

เมื่อผ่านมติสภาในปี 2013 ที่พรรคซีพีพีชนะการเลือกตั้ง แต่ เดโชฮุน เซน ซึ่งถูกตราหน้าว่าเป็นผู้นำประเทศยากจนจากการที่มักร้องขอเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศทุกๆ ปี

สมเด็จฮุน เซน ไม่ได้เก็บโครงการนี้ในตู้ลิ้นชัก แต่นำออกมาเร่ฝันและหาทุกวิถีทางที่จะทำมันให้สำเร็จอย่างเงียบๆ

ไล่มาตั้งแต่ปี 2014 และชัดเจนที่ปี 2016 ซึ่งชัดเจนว่า ความไพบูลย์ก้าวหน้าในโครงการสัมปทานเมกะโปรเจ็กต์ที่กำปงโสมของนักลงทุนจีน เป็นไปอย่างคืนหน้า

นั่นคือที่มาของการอนุมัติงบฯ ก้อนโตในการก่อสร้าง “มรดกเดโช” เฟสแรกสนามอินดอร์กีฬาซึ่งแล้วเสร็จทันพิธีเปิดในวันที่ 4 เมษายน (วันเดือนที่คาดว่าเป็นวันเดือนเกิดที่แท้จริงของ ฮุน นาล)

แม้ว่าการก่อสร้างจะล่าช้าออกไปกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้คือภายในปี 2021 ที่กัมพูชาต้องการเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาซีเกมส์

แต่บัดนี้ อภิมหาโครงการ “มรดกเดโชสปอร์ตคอมเพล็กซ์” ภายใต้การควบคุมโดยบริษัทลียงพัต นอมินีในกิจการสถานีโทรทัศน์พีเอ็นเอ็นทีวี สะพานลียงพัต และธุรกิจผูกขาดสัมปทานอีกหลายรายการของรัฐกำลังลุล่วงมาถึงครึ่งทางฝัน

สำหรับมูลค่าก่อสร้างสูงสุดของกิจการรัฐบาลที่มีมาคือราว 6,000 ล้านบาท ขนาดความจุ 75,000 ที่นั่ง/รวมสนามอินดอร์ บนเนื้อที่ 560 ไร่

ประกอบด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้าง ที่ได้แรงบันดาลใจจากความเป็นศูนย์กลางอำนาจแห่งปราสาทหินนครวัด ที่นำมาผสมผสานกับศิลปะสมัยใหม่

ดังจะเห็นปีกทางเข้าสเตเดี้ยมที่สูงเสียดฟ้าราวกับยอดปรางค์ปราสาท อีกด้านหนึ่งก็เหมือนหัวท้ายเรือแขมร์ แลอีกด้านหนึ่งก็เหมือนการประนมมือเหนือเศียร ในแบบชาวเขมร โดยไม่ลืมที่จะมีคูน้ำล้อมรอบแบบเดียวกับปราสาทหินนครวัด

และความปรารถนาอันเติมเต็มที่ฝังใจ สมเด็จฮุน เซน ในความปรารถนาที่จะสร้างสิ่งอันเป็นบารมีที่เหนือด้วยความเชื่อ ในแบบเดียวกับกษัตริย์วรรณะวรมันในอดีต

 

แลการบรรลุความปรารถนาที่จะสถาปนาผลงานยิ่งใหญ่ในนาม “มรดกเดโชพหุกีฬาสถานแห่งชาติ” ซึ่งจะกลายเป็นการเฉลิมฉลองในมหกรรมพิธีเปิดกีฬาซีเกมส์ 2023 ซึ่งประกาศถึงความรุ่งเรืองสถาพรของกรุงพนมเปญและภายใต้การบริหารของ สมเด็จฮุน เซน

ถึงตอนนั้น ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ สมเด็จฮุน เซน ในวัย 71 ปีจะได้ฉลองความสำเร็จแห่งการเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่กว่าใครทั้งหมดที่เคยมีอยู่ในสารบบประวัติศาสตร์การเมืองโลก

โดยหมายความว่า เขาจะต้องชนะการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2018

และจากนั้น ถ้าจะให้ดีก็ต้องชนะการเลือกตั้ง 2023 หรือก็เลื่อนออกไปอย่างน้อยครึ่งปี จึงช่วยให้ ฮุน เซน สามารถยืนโดดเด่น ณ “มรดกเดโชพหุสถานกีฬาแห่งชาติ” อย่างไม่มีค่าเป็นอื่น

ซึ่งเขาต้องเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริง!

มิฉะนั้น การประกาศโครงการสร้าง “ตึกแฝดทวินทาวเวอร์กัมพูชา” พิชิตตึกแฝดปิโตรนาสของมาเลเซียที่ความสูง 560 เมตร จำนวน 133 ชั้น ณ บริเวณริมฝั่งตนเลบาสัก ด้วยมูลค่า 100,000 ล้านบาทในนามบริษัทไทบุนรุ่ง/ออกญาเท่ง บุนมาและเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของ สมเด็จฮุน เซน โดยอาศัยกลุ่มนักลงทุนจีนที่ร่วมกันระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์จากประเทศตน

อีกการโปรยเม็ดเงินช่วยเหลือนับหมื่นล้านในโครงการต่างๆ รัฐบาลเขมรร้องขออย่างไม่เปิดเผยเงื่อนไข รวมทั้งภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายที่ร่วมมือกันเนรมิตกรุงพนมเปญ ให้กลายเป็น “มหานคร” อนาคตแห่งปลายโพ้นทะเล (จีน) อย่างถาวรนั้น

โดยให้สังเกตว่า ทั้งสะพานลียงพัต สถานีพีเอ็นเอ็นทีวี ตึกไทบุนรุ่งทวินทาวเวอร์เทรดเซ็นเตอร์ และอภิมหาโครงการต่างๆ ล้วนแต่เป็นมรดกที่ เดโชฮุน เซน มีส่วนร่วมทั้งสิ้น

ไม่มีใครทำได้เท่ากับ สมเด็จฮุน เซน ที่จะกล้าแลกกับสิ่งที่เรียกว่าการลงทุนเพื่อข้อแลกทางการค้าเพื่อการคงไว้ซึ่งอำนาจ

และความยิ่งใหญ่ที่จะตกทอดไปถึงลูกหลานโจวต้ากวน ผู้ลงทุนขยายเขตการค้าต่อขอบขันธ์แห่งอำนาจของ ฮุน เซน วรมัน

 

เหลือที่จะเชื่อว่า ในบทเรียนประวัติศาสตร์กัมพูชาหลายต่อหลายครั้งพบว่า มรดกสถานในแบบต่างๆ ที่ผ่านความฝันของผู้นำในแต่ละกาลสมัย

ล้วนแต่แลกไว้ด้วยราคาที่ต้องจ่ายคืนอย่างน่าระทึกระทันนัก

อาทิหนึ่ง เพื่อแลกมาซึ่งการก่อสร้างพระราชวังเขมรินทร์อันวิจิตรพิสดาร ตามพระประสงค์ในพระบาทนโรดม ซึ่งตกลงไว้กับฝรั่งเศส กัมพูชาต้องกลายเป็นประเทศภายใต้รัฐนิคมแก่ประเทศนั้นไปเกือบ 100 ปี

อาทิสอง เพียงฉากและความปราถนาจะเป็นเจ้าภาพ “กีฬาแหลมทอง” (ที่ไม่สำเร็จ) ของประมุขนโรดม สีหนุ ส่งผลให้เงินสำรองคงคลังขาดแคลน เศรษฐกิจดิ่งเหว การถูกโค่นอำนาจและซ้ำรอยด้วยระบอบเขมรแดง

ในราคาที่ต้องจ่ายของ ฮุน เซน ดูจะยังไม่มาถึง แต่พฤติการณ์ที่ไร้ขนบทางการทูตที่ควรทำไม่ว่าจะเป็นการประกาศยุติการซ้อมรบกับสหรัฐและหันไปฝึกซ้อมกับกองทัพจีน การส่งตัวชาวไต้หวันนับสิบรายให้ทางการปักกิ่ง ฯลฯ

ล้วนแต่เป็นความจริงบางอย่างที่ สมเด็จฮุน เซน จำเป็นต้องจ่ายคืนให้แก่อีกฝ่าย

นัยว่าเพื่อแลกกับมรดกกรรมแห่งความปรารถนา

และการกลับมาของชาติภพใหม่ในโจวต้ากวนกับ ฮุน เซน วรมัน