จักรกฤษณ์ สิริริน : จาก “หวัดสเปน-18” ถึง COVID-19 พลิกตำรา “แพทย์ตะวันออก” สู้เชื้ออุบัติใหม่

ตั้งแต่โลกของเราเข้าสู่ “ศตวรรษที่ 21” (ค.ศ.2001) เป็นต้นมา ดูเหมือนว่า “ภูมิปัญญาตะวันออก” จะได้รับการพูดถึงจาก “โลกตะวันตก” ไม่ว่าจะเป็นปรัชญา ศาสนา วัฒนธรรม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การแพทย์”

เพราะ “โลกตะวันตก” มุ่งเน้น “ร่างกาย” หรือ “ความสุขทางกาย” ที่ขับเคลื่อนด้วย “ลัทธิบริโภคนิยม” ภายใต้ “อุดมการณ์ทุนนิยม” ซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ทางตัน

ดังที่ผมเคยได้วิเคราะห์เอาไว้ในบทความ “จาก Slow Life ถึง Slowbalisation กับความแตกสลายทางชนชั้น” ที่ “มติชนสุดสัปดาห์” แห่งนี้

“โลกตะวันออก” นั้น ให้ความสำคัญกับ “จิตใจ” หรือ “จิตวิญญาณ”

ดังนั้น “การแพทย์แผนตะวันออก” ที่เน้นการรักษาแบบองค์รวม จึงแตกต่างจาก “แพทย์แผนตะวันตก” ที่ให้การรักษาแบบแยกส่วน

ทำให้ในช่วงวิกฤต COVID-19 นี้ ที่เรากำลังรอ “วัคซีน” และ “ยารักษา” COVID-19 จาก “แพทย์ตะวันตก” วงการ “การแพทย์แผนตะวันออก” ก็มุ่งมั่นกับการค้นคว้าเช่นเดียวกัน

 

เห็นได้จากความเคลื่อนไหวของเหล่า “แพทย์แผนตะวันออก” ไม่ว่าจะเป็น “อินเดีย” ที่ขึ้นชื่อลือชาด้านการรักษาแบบ “อายุรเวท”

Harsh Vardhan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข “อินเดีย” ชี้ว่า “อินเดีย” ได้เริ่มดำเนินปฏิบัติการทางคลินิกด้วยยา “อายุรเวท” เพื่อสู้กับ COVID-19

“เราได้เริ่มต้นใช้โสมอินเดีย ชะเอม บอระเพ็ด ดีปลี และพญาสัตบรรณ โดยทดลองใช้กับกลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้มีความเสี่ยงสูง” Harsh Vardhan กล่าว และว่า

โครงการนี้มี “กรมอายุรเวท และการแพทย์แผนโบราณ” เป็นแกนนำ และกำลังรอผลการทดสอบเพื่อติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป Harsh Vardhan สรุป

 

ฝั่ง “จีนแผ่นดินใหญ่” ก็ได้ริเริ่มโครงการ “สมุนไพรสู้ COVID-19” ด้วยเช่นกัน

“สำนักงานกำกับดูแลแพทย์แผนจีนแห่งชาติ” ระบุว่า คณะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ระดับมณฑล 31 แห่ง ได้ร่วมคณะผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีน ทำการทดลอง “สมุนไพรจีน” สู้ COVID-19

อาทิ ชะเอมเทศ เกลือจืด กิ่งอบเชยจีน โป่งรากสน รากขิงแก่สด ว่านหางช้าง ผิวส้มจีน พิมเสนต้น ร่วมกับสมุนไพรจีนอีกหลากหลายชนิด ในสูตรยาสองตำรับ

“สำนักงานกำกับดูแลแพทย์แผนจีนแห่งชาติ” ชี้ว่า เพราะ “สมุนไพรจีน” เป็นหยินและหยาง

ด้านหนึ่ง “เสริมพลังพื้นฐาน” ของร่างกาย อีกด้านหนึ่งก็ “ขจัดสิ่งก่อโรค” เมื่อมาผสมกัน จะช่วยสร้าง “ภาวะสมดุล” ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะกับการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส

นายแพทย์จงหนานซาน คุณหมอมือปราบ SARS บอกว่า ยาจีนโบราณสูตรรักษาปอดบวมหมายเลข 1 ใช้รักษาผู้ป่วย COVID-19 ที่กวางตุ้ง “ได้ผลดี”

หวางเหอเซิง รองหัวหน้าคณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติของจีน เผยว่า ที่ “อู่ฮั่น” ได้ใช้สูตรยา “เหลียนหัว ชิงเวิน” ที่รักษาอาการไข้หวัดใหญ่ มาช่วยหยุดยั้ง และบรรเทาอาการติดเชื้อ COVID-19

นอกจากนี้ ยังมีสูตรสมุนไพรจีนอื่นๆ อีก 54 สูตร กระจายไปทั่วประเทศ

“สูตรยาจีน จะแตกต่างกันไปตามอาการ และพื้นที่ล้มป่วย ซึ่งแต่ละแห่งมีภูมิอากาศต่างกัน” หวางเหอเซิง ระบุ

 

COVID-19 ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “สมุนไพรจีน” กำลังจะเป็นพระเอกของท้องเรื่อง

เพราะเมื่อคราวที่โลกใบนี้มีวิกฤตการณ์ “หวัดสเปน-18” พระเอกในตอนนั้นก็คือ “สมุนไพรจีน” เช่นกัน

“หวัดสเปน-18” (1918 Influenza Pandemic) หรือ “การระบาดครั้งใหญ่” ของ “ไข้หวัดใหญ่สเปน” (Spanish Flu) ระหว่างปี ค.ศ.1918 ถึงปี ค.ศ.1920

ชื่ออย่างเป็นทางการของ “หวัดสเปน-18” คือ “การระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่ ค.ศ.1918” เป็นการระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่ที่มีผู้เสียชีวิตมากผิดปกติ

โดยเป็นโรคระบาดทั่วเป็นครั้งแรกของโลกจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1

ในครั้งนั้น มีรายงานการพบผู้ป่วย “หวัดสเปน-18” ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ.1918 ในค่ายทหาร Funstone รัฐ Kansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ห้วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

และต่อมา เชื้อโรค “หวัดสเปน-18” ได้แพร่กระจายไปทั่วยุโรป พร้อมกับการเดินทางมาถึงยุโรปของทหารอเมริกัน

จากการเคลื่อนกำลังพลทหารจำนวนมากช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดการระบาดใหญ่ของโรค

จะเห็นได้ว่า “หวัดสเปน-18” ไม่ได้เกิดขึ้นใน “สเปน”

เพราะตอนนั้น “สเปน” เป็นประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด วางตัวเป็นกลาง และไม่ได้เข้าร่วมในสงครามโลก

“สเปน” จึงอาสาเป็นผู้ประกาศข่าวโรคระบาดร้ายแรงนี้ให้ทุกประเทศได้ทราบ

ชาติอื่นๆ จึงคิดว่า “สเปน” เป็นพื้นที่แพร่ระบาดของโรค และพากันเรียกว่า “โรคไข้หวัดใหญ่สเปน”

หลังการแพร่ระบาดสิ้นสุด มีผู้ได้รับผลกระทบจาก “หวัดสเปน-18” จำนวนเกือบ 500 ล้านคนทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตกว่า 40 ล้านคน

“หวัดสเปน-18” จึงนับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่มียอดคนตายมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

มันจึงได้ชื่อว่า “โรคระบาดที่ทำให้มีคนตายมากที่สุดในโลก”

แต่ “จีน” มีผู้ติดเชื้อแค่ 200 กว่าคนเท่านั้น!

“อินเดีย” ตาย 15 ล้าน “อิหร่าน” 2.5 ล้าน “อินโดนีเซีย” 1.5 ล้าน “ฝรั่งเศส” 450,000 “ญี่ปุ่น” 400,000 “บราซิล” 300,000 “สหราชอาณาจักร” มีผู้เสียชีวิต 250,000 คน

เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา ที่มียอดผู้ติดเชื้อตอนนั้นกว่า 100 ล้านคน (เสียชีวิต 500,000 คน) ทำให้ทั่วโลกประหลาดใจมาก

 

ดร. Cheng King Fai และศาสตราจารย์ Leung Ping Chung จากสถาบันการแพทย์แห่งชาติจีน เปิดหลักฐานว่า มีการใช้น้ำปูนขาวพ่นตามบ้านเรือนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และเผาโกฐน้ำเต้ากับโกฐเขมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อทางอากาศ

ตอนนั้น รัฐได้กำชับให้ประชาชนดื่มถั่วเขียวต้มน้ำตาลวันละหลายถ้วยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ส่วนผู้ที่ติดเชื้อแล้ว จะได้รับการแจกจ่ายยาสมุนไพร เพื่อให้การรักษา ดร. Cheng King Fai ระบุ

ศาสตราจารย์ Leung Ping Chung บอกว่า จีนมีประสบการณ์เรื่องโรคระบาดมาหลายพันปี และมีทฤษฎีการรักษาที่ชัดเจน จึงสามารถนำยาแผนโบราณมาปรับใช้กับการระบาดของ “หวัดสเปน-18” ได้

ผลก็คือ อัตราการรักษาหายสูงมาก และอัตราการเสียชีวิตก็ต่ำมาก

ยิ่งเมื่อนำไปเทียบกับยุโรปกับอเมริกาแล้ว ชาวจีนมีอัตราการรอดสูงกว่ามาก ทั้งที่ตอนนั้น คนจีนที่มีจำนวนมาก ส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงยาแผนปัจจุบันด้วยความยากจน

 

ส่วน “พี่ไทย” เรา ก็ไม่น้อยหน้าด้าน “สมุนไพร” โดยเฉพาะใน “ยุค COVID”

ที่มีการวิจัย “ฟ้าทะลายโจร” จากความร่วมมือของ “กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก” “กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์” และ “องค์การเภสัชกรรม”

นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า “ฟ้าทะลายโจร” มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ และยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้

“แต่ไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันเซลล์จากการติดเชื้อ COVID-19 จึงไม่แนะนำให้รับประทานเพื่อการป้องกันโรค โดยที่ยังไม่มีอาการเพราะไม่มีผลในการป้องกัน” นพ.ปราโมทย์กล่าว

ดร.สุภาพร ภูมิอมร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการศึกษาฤทธิ์ต้าน COVID-19 ของ “ฟ้าทะลายโจร” พบว่า สามารถทำลายไวรัสโดยตรง และต้านไม่ให้ไวรัสเพิ่มจำนวนเซลล์ได้

“แต่ไม่มีฤทธิ์ในการชักนำให้เซลล์หลั่งสารยับยั้ง COVID-19 จึงไม่แนะนำให้รับประทานเพื่อการป้องกันโรค และจำเป็นต้องทำการศึกษาวิจัยในคนต่อไป” ดร.สุภาพรทิ้งท้าย

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่