หัวอกคนไทยที่อยากกลับบ้าน เสือสมิง ผีปอบ และโรงแรมกักกันโรค

เมื่อ 30 มีนาคม ผมได้รับอีเมล์ขอคำปรึกษาทางระบาดวิทยาจากนักเรียนทุนของประเทศไทย เล่าถึงสถานการณ์ที่มีคนไทยจำนวนมากรอสถานเอกอัครราชทูตไทยจัดให้อาสาสมัครแพทย์ไทย ตรวจร่างกายและออกใบรับรองแพทย์เพื่อให้สามารถขึ้นเครื่องบินและกลับประเทศไทยได้ กระบวนการการรอออกใบรับรองช้ามาก คงเป็นเพราะประเทศเหล่านั้นไม่มี lab กว้างขวางพอ

ช่วงเดียวกันผมได้ข่าวแม่ไทยที่กำลังหาทางไปรับลูกกลับจากประเทศที่โรคกำลังระบาดหนัก และข่าวเรื่องสายการบินลดหรือหยุดเที่ยวบินทั่วโลก

ผมตอบนักเรียนทุนคนนั้นอย่างเดา ๆ ว่า การอนุญาตให้ผู้โดยสารขึ้นอากาศยานพาณิชย์เข้าประเทศไทยได้น่าจะเป็นอำนาจหน้าที่ระหว่างประเทศของสำนักงานการบินพลเรือนผู้ออกประกาศ เพื่อความปลอดภัยของอากาศยาน ท่าอากาศยานไทย และประเทศไทย ผู้โดยสารต้องปฏิบัติตาม การตรวจร่างกายที่เขาต้องการไม่สามารถป้องกันผู้ติดเชื้อเข้าประเทศได้ เขาประการเพราะเป็นมาตรการของรัฐบาลที่จะชะลอคนเข้าประเทศมากกว่า แต่ผมก็เสริมว่าน่าจะมีกฎหมายระดับสูงกว่านั้นที่ระบุว่าคนไทยทุกคนต้องได้รับการปกป้องความปลอดภัยจากรัฐไทย ดังนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องช่วยให้กลับประเทศบ้านเกิดเมืองนอนได้เร็ว ถ้าไม่สามารถรับกลับประเทศไทยก็ต้องหาที่พักในประเทศนั้นให้อยู่ได้อย่างปลอดภัยตามสมควร ผมแนะนำคนไทยเหล่านั้นให้ไปร้องศาลปกครอง ผมไม่ได้ติดตามว่าเขาดำเนินการต่อหรือไม่และได้ผลอย่างไร

หลังจากตอบอีเมล์ไปได้วันสองสามวันก็ได้ฟังข่าวจาก ศบค. ว่าคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เป็นต้นเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ ของการแพร่เชื้อในประเทศไทยในขณะนี้ จึงขอชะลอไว้ก่อน

จากนั้นวันนี้เช้า ก็ได้ข่าวว่าคนไทยส่วนหนึ่งกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว แต่ไม่ได้ถูกกักบริเวณ และก็มีโซเชี่ยลช่วยกันถล่มทั้งรัฐบาลและคนเดินทาง

น่าเห็นใจทั้งคนที่อยากกลับบ้าน และคนอยู่บ้านที่กลัวโรคระบาดครับ ถ้าเราไม่มองว่าอีกฝ่ายนึงรู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร เราก็คงได้ทะเลาะกันอีก

สำหรับคนที่อยู่บ้านตลอดไม่ได้ไปไหน เท่าที่เราเห็นจากข่าว บ้านเมืองทางโน้นคงแย่จริง ๆ ให้คนของเรากลับบ้านได้ก็กลับเถอะครับ สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกลางคืนเดือนมืดในป่าใหญ่ ลูกหลานเราที่ออกไปเที่ยวป่ากลับดึกไปหน่อย เสือก็ดุ โจรก็ชุม เราเห็นลูกหลานเรามาร้องเรียกให้เปิดประตูบ้าน เขาไม่ใช่เสือสมิงปลอมตัวเป็นคนเพื่อที่จะเข้ามากัดกินเราหรอกครับ รัฐมีหน้าที่โดยตรงต้องช่วยลูกหลานไทยเหล่านี้ มิพึงละเว้นการปฏิบัติราชการ

แต่รัฐก็ต้องมีหน้าที่ช่วยปกป้องคนส่วนใหญ่ในประเทศให้พ้นจากการติดเชื้อไปพร้อม ๆ กัน ถ้าไม่แน่ใจว่ามีโจร (เชื้อโรค) แฝงตัวเข้ามายามค่ำคืน ก็ให้พักเป็นที่เป็นทางไปซะแห่งนึงก่อน รอจนฟ้าสว่างเห็นหน้าเห็นตากันชัด ค่อยแยกลูกหลานออกมาจากโจร นั่นก็คือจัดกักกันคนไทยที่กลับจากต่างประเทศให้ครบ 14 วัน ถ้ารัฐไม่จัดการกักกันโรค (quarantine) ให้เรียบร้อย ก็น่าจะมีความผิดฐานยกเว้นปฏิบัติราชการด้านความมั่นคงของชาติ

คนที่กลับมาไม่ถูกกักกันตัว ญาติมารอรับ เขาก็กลับบ้านกันไปแล้ว จะทำอย่างไร

รัฐก็มีหน้าที่แก้ตัว รีบไปเอาคนเหล่านั้นมากักตัวสิครับ คนเหล่านั้นก็มีหน้าที่ของความเป็นคนไทย ร่วมมือกับรัฐให้รัฐกักตัวสองอาทิตย์ ไม่ใช่กักตัวเองที่บ้าน เพราะสถิติล่าสุดเพิ่งจะบอกทุกคนว่าพวกท่านแพร่เชื้อได้มาก จะอ้างความเท่าเทียมว่าทำไมเลือกปฏิบัติไม่กักตัวคนรุ่นก่อนหน้านี้ไม่ได้

รีบ ๆ กักตัวกันเสีย เชิดหน้าสู้โรคเหมือนครอบครัวคุณแมธธิว คนไทยทุกคนจะขอบคุณให้กำลังใจ ไม่ต้องหลบหน้าเป็นเสือสมิงหรือปอบ ทุกอย่างก็จะลงตัวด้วยดี โรงแรมยังว่างเยอะ พร้อมที่จะให้เป็นที่กักกันโรค อาหารการกินและเน็ตมีพร้อมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องใครจะออกค่าใช้จ่ายต้องไปตกลงกับรัฐครับ