จิ๋วเล่าเรื่องป๋า (10) : แผนลึกล้มญัตติซักฟอกป๋า

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เล่าเรื่อง/ บุญกรม ดงบังสถาน เรียบเรียง

ตลอด 7 ปีที่เป็นนายกรัฐมนตรี ฝ่ายค้านไม่สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้เลย จะเปิดอภิปรายทีไรก็มีอันเป็นไปทุกที ถ้าไม่ใช่เพราะรวบรวมเสียงไม่พอแล้วก็จะถูกล็อบบี้จากทหาร เป็นต้น

แต่ฝ่ายค้านไม่ละความพยายาม ถึงแม้จะยากลำบากเพียงใด พอขึ้นต้นปี 2530 ฝ่ายค้านประกาศจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้งคณะ ซึ่งรวมถึง พล.อ.เปรมด้วยในสมัยประชุมคราวหน้าราวเดือนเมษายนปีเดียวกัน

เมื่อถึงกำหนด ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.เปรมและรัฐมนตรีทั้งคณะ ซึ่งแน่นอนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.เปรมของฝ่ายค้านทำให้ทหารและผู้สนับสนุนรู้สึกกังวล เนื่องจาก พล.อ.เปรมท่านไม่ชอบให้คนด่าท่านกลางสภา จึงมีข่าวลือท่านจะลาออกจากนายกฯ

ทหารจึงวุ่นวายหาทางสกัดไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปราย พล.อ.เปรมได้

ในที่สุดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.เปรมก็ล้มอีกเช่นเคย เมื่อ ส.ส.ฝ่ายค้าน 15 คนถอนชื่อออกจากญัตติไม่ไว้วางใจ เป็นเหตุให้จำนวนเสียง ส.ส.ไม่ครบตามข้อบังคับ

ทหารถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการล้มญัตติดังกล่าว มีการโจมตี พล.อ.เปรมว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่แตะต้องไม่ได้ ทำให้ความไม่พอใจต่อ พล.อ.เปรมในหมู่นักการเมืองและนักวิชาการเพิ่มมากขึ้น

สำหรับเรื่องนี้ พล.อ.ชวิตกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ล้มซักฟอกป๋าเปรมมันเป็น Trick ง่ายๆ ธรรมรักษ์ก็ช่วยได้เยอะ”

คนชื่อ “ธรรมรักษ์” ที่ พล.อ.ชวลิตพูดถึง ได้แก่ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งตอนนั้นมียศพลตรี ทีมงาน พล.อ.ชวลิตและช่วยงานป๋าเปรม

พล.อ.ธรรมรักษ์เคยเป็นลูกน้อง พล.อ.เปรมตั้งแต่สมัยอยู่กองทัพภาคที่ 2 ป๋าเปรมเคยมีคำสั่งให้ไปดูเหตุการณ์ที่บ้านนาทราย จังหวัดหนองคายด้วย

 

เบื้องหลังล้มญัตติ เริ่มจากตั้ง “วอร์รูม” ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท ทีมงานประกอบด้วย พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ พล.อ.ธรรมรักษ์ พล.อ.อภิชัย วารุณประภา เป็นต้น

มีการหารือกันถึงความเป็นไปได้ในการล้มญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.เปรม และทำอย่างไรถึงจะให้ ส.ส.ฝ่ายค้านที่ร่วมลงชื่อในญัตติถอนชื่อออกมาอย่างน้อย 15 คน เพื่อที่จะให้ญัตติดังกล่าวเป็นอันตกไป

จากนั้นจึงได้มีการวางแผนและแบ่งงานกันทำ ใครมีความสนิทคุ้นเคยกับ ส.ส.คนไหน ก็มอบหมายให้คนนั้นประสาน โดยทาบทามไปที่ ส.ส.ที่เป็นเป้าหมายรวมถึงระดับแกนนำพรรคก็มี

พล.อ.ธรรมรักษ์เล่าว่า การจะล้มญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.เปรมได้จะต้องให้ ส.ส.ฝ่ายค้านถอนชื่อออกมาอย่างน้อย 15 คน เราจึงไปดึงเอาจากพรรคนั้น 5 คนบ้าง 3 คนบ้าง 2 คนบ้าง คนก็หาว่าคนพวกนี้รับเงิน ความจริงไม่ใช่

เราเพียงแต่ขู่ ถ้าไม่ยอมเซ็นเขายุบสภาแน่ ป๋าเปรมท่านยุบสภาบ่อย พวกนี้เลยกลัว

เช่น กรณีของนายเรวุฒิ จินดาพล ส.ส.พรรคพลังใหม่ ภูเก็ต ซึ่งทั้งพรรคมี ส.ส.คนเดียว

“เราเรียกมากินข้าว เฮ้ย เรวุฒิเพื่อป๋าว่ะ ทีแรกยึกยักบอกว่าเกิดเขาไล่ผมออกล่ะ พี่บอกเขาไม่มีทางไล่ลื้อออกได้ เพราะการประชุมใหญ่พรรคเพื่อขับ ส.ส.ออกจะต้องมีกรรมการพรรคบวกด้วย ส.ส.ของพรรค ทีนี้ ส.ส.ของพรรคมีลื้อคนเดียว เวลาประชุมพรรคลื้อก็อย่าไปสิ เขาก็ไล่ลื้อออกไม่ได้ เอ้าเค เรวุฒิก็เซ็น”

ส่วนพรรคกิจประชาคมซึ่งมีคุณบุญชู โรจนเสถียร เป็นหัวหน้าพรรค ดึงมาได้ 5 คน เป็น ส.ส.ในสังกัดของเสี่ยเล้ง ขอนแก่น ตอนนั้นเสี่ยเล้งยังไม่รู้จัก “บิ๊กจ๊อด” จึงพาไปรู้จักและเสี่ยเล้งก็ขอที่จะเอารายชื่อ ส.ส.ไปมอบให้กับ พล.อ.ชวลิตกับมือได้ไหม เราบอกได้ ไม่มีปัญหา

 

จากการล่ารายชื่อ ส.ส.แบบหามรุ่งหามค่ำไม่ได้หลับได้นอนกัน จนกระทั่งได้ลายเซ็นมา 14 คน เหลือแค่คนเดียวจึงจะครบ 15 คน

ทีมงานได้หารือกันอย่างคร่ำเครียดในวอร์รูมโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะพรุ่งนี้เช้าญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.เปรมก็จะเข้าสภาแล้ว ซึ่งตอนนั้นมีคุณชวน หลีกภัย เป็นประธานสภา

ประมาณตี 3 บิ๊กจ๊อดเดินเข้ามาในวอร์รูมพร้อมกับผู้หญิงชื่อ “ยุ้ย” ทุกคนเคร่งเครียดกัน เพราะตอนนั้นยังหาเป้าหมายไม่ได้ เหลือคนเดียวเท่านั้น นึกถึงหน้า ส.ส.ไม่ออกว่าจะมีใครยอมเซ็นบ้าง

จนกระทั่งตี 4 กว่าๆ พล.อ.ธรรมรักษ์นึกถึงคุณชัย ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์ พ่อคุณเนวิน ชิดชอบ ซึ่งมีความสนิทสนมกันเนื่องจากเป็นคนบุรีรัมย์ด้วยกัน ครั้งหนึ่งเคยกินข้าวด้วยกันที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์โดยมีบิ๊กจ๊อดร่วมด้วย

“กำนันชัยบอกว่า เอายังงี้ เหลือคนสุดท้ายถ้าไม่มีใครให้มาหาผม” พล.อ.ธรรมรักษ์กล่าว

จึงให้ทหารขับรถพาไปบ้านกำนันชัยแถวหัวหมาก ไปถึงก็ให้น้องคุณเนวินไปเรียกพ่อมาก็ไม่กล้าเรียก

“พี่เลยเดินเข้าไปทุบประตู โป้งๆๆ แกก็ออกมา ไอ้ห่…ประชาธิปไตยแบบไหน บ่นฉิบ พี่เลยบอกว่า ถ้าพี่ไม่เซ็นวันนี้นะ เดี๋ยว 9 โมงสภาเปิด ยุบสภาแน่นอน ผมบอกพี่ให้ แล้วอยากได้อะไรให้ผมช่วยก็ว่ากันทีหลัง”

กว่าจะเซ็นได้กำนันชัยมีลวดลายมาก ต้องให้พิมพ์ใหม่ เหมือนคนอื่นไม่เอา จึงให้น้องคุณเนวินที่เป็นตำรวจพิมพ์ให้

“มันก็เมาเหมือนพ่อ นุ่งกางเกงนอนอยู่ก็ให้พิมพ์ตรงนั้นแหละ พิมพ์เสร็จแล้วลืมใส่ก๊อบปี้อีก จึงให้วิ่งไปถ่ายเอกสารมา กว่าจะเสร็จก็ 6 โมงเช้าแล้ว ตอนนั้นคุณชวนเป็นประธานสภา ท่านก็ดึงได้หน่อยหนึ่ง คือยังไม่รีบขึ้นไปนั่งบัลลังก์ รอให้ผู้แทนฯ มาครบก่อน ก็ฉิวเฉียด”

มีเรื่องหนึ่งที่เรียกเสียงฮือฮาในที่ประชุมสภา เมื่อมีการเรียกชื่อ ส.ส.ที่ถอนชื่อออกจากญัตติฯ มี ส.ส.หญิงคนหนึ่งเขียนคำนำหน้าทั้งกระผมและนางสาว สร้างความขบขันให้กับ ส.ส.ในสภา

เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะทหารได้ร่างหนังสือไว้โดยเขียนคำว่า “กระผม” แล้ววางไว้ เมื่อเสี่ยเล้งนำไปให้นางสาว “อุ่นเรือน” ส.ส.ร้อยเอ็ดเซ็นโดยลืมขีดคำว่ากระผมออกแล้วยังเขียนเป็นนางสาวอุ่นเรือนด้วย

“มันก็เลยมีคำว่ากระผมอยู่ข้างหน้า กลายเป็นกระผมนางสาวอุ่นเรือนไป”

เป็นอันว่า พล.อ.เปรมรอดจากการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อย่างหวุดหวิด และทำสถิติตลอด 8 ปีกว่าที่เป็นนายกฯ ฝ่ายค้านไม่สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจท่านได้เลย