การศึกษา / พระบรมราโชวาท วันเด็กฯ ปี 2563 มีความรู้-คุณธรรม-สร้างสรรค์ความดี

การศึกษา

 

พระบรมราโชวาท

วันเด็กฯ ปี 2563

มีความรู้-คุณธรรม-สร้างสรรค์ความดี

 

เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ได้เวียนมาอีกครั้ง

ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท สำหรับลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี 2563 “เด็กไทยไปถึงฝัน” ความว่า

“ความรู้ และคุณธรรม เป็นรากฐานสำคัญของความดีความเจริญทุกอย่าง เด็กทุกคนจึงต้องหมั่นศึกษาอบรมให้ถึงพร้อมด้วยความรู้ และคุณธรรม เพื่อจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ผู้สามารถสร้างสรรค์ความดี ความเจริญ ให้แก่ตน และแก่ส่วนรวม”

นอกจากนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ในวันเด็กแห่งชาติ ความว่า ความรู้ที่เกิดจากบุคคลผู้มีกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต ย่อมไม่เรียกว่าปัญญา เพราะปัญญาคือ ความรอบรู้ และความเข้าใจในเหตุผล ดีชั่ว คุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ บุคคลซึ่งปรารถนาจะเป็นผู้มีปัญญาสอดส่องทั่วถึง เพื่อสามารถแก้ไขปัญหา ตลอดจนพัฒนาตนให้ประสบความสุข และความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องมีสุจริตธรรมเป็นที่ตั้งเสียก่อน

คุณธรรมพื้นฐานก่อนจะก้าวไปสู่ความเป็นผู้มีปัญญา จึงได้แก่การรักษา “ศีล” ไว้ให้มั่นคง ด้วยเหตุที่ศีล คือข้อปฏิบัติขั้นพื้นฐานในทางพระพุทธศาสนา สำหรับควบคุมความประพฤติทางกาย และทางวาจาให้เป็นปรกติ เป็นกติกาข้อห้ามที่ใช้ป้องกัน และแก้ไขปัญหาชีวิต เป็นหนทางนำมาซึ่งความสงบสุข และไม่ควรเบียดเบียนกัน

เด็ก และเยาวชนล้วนเป็นอนาคตของบ้านเมืองไทย จึงขอให้ทุกคนเป็นผู้หนักแน่นในศีล โดยเฉพาะศีล 5 เป็นเบื้องต้น กล่าวคือ เว้นการเบียดเบียนชีวิต เว้นจากการเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ เว้นจากการประพฤติล่วงละเมิดคู่ครองของผู้อื่น เว้นจากการกล่าวเท็จ เว้นจากการเสพสุราเมรัย และสิ่งเสพติดให้โทษทั้งปวง หากเด็กๆ สามารถรักษาศีล 5 ไว้ได้อย่างไม่บกพร่อง ย่อมเป็นเครื่องประกันได้ว่าชีวิตนี้จะไม่มีวันตกต่ำ จะเติบใหญ่ไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมไทยให้เจริญรุ่งเรืองสถาพรได้อย่างแน่แท้

ขอให้เด็ก และเยาวชน มีกำลังใจที่จะอบรมพัฒนาตนเองให้ถึงพร้อมด้วยศีล เป็นเครื่องกำกับกาย และวาจา โดยสมบูรณ์นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอจงรักษาคุณลักษณะของความเป็นผู้ศีลธรรม เพื่ออนาคตของตนเอง และประเทศชาติของเราทุกคน

 

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบสารเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ว่า วันเด็กแห่งชาติ ปี 2563 ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าของประเทศ และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต จึงต้องได้รับการพัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพในทุกมิติตามช่วงวัยอย่างเหมาะสม ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งในด้านทักษะ ความรู้ ความสามารถ และการเรียนรู้องค์ความรู้ที่สำคัญต่างๆ รวมทั้งเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีทางกาย จิตใจ และสติปัญญา เพื่อให้เด็กและเยาวชนทุกคนเป็นทั้งคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ และมีคุณธรรม มีหลักคิดที่ถูกต้อง รวมทั้งมีทักษะที่จำเป็นต่อการตอบสนองต่อการดำรงชีวิตในโลกศตวรรษที่ 21 และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีคุณค่า และมีความสุข

วันเด็กแห่งชาติปีนี้ ผมได้มอบคำขวัญว่า “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย” เพื่อให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของตนเอง ในฐานะพลเมืองของชาติที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต โดยจะต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียน มีความกตัญญูรู้คุณต่อบิดามารดา ครูอาจารย์ รู้หน้าที่ มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความซื่อสัตย์ กล้าคิดกล้าแสดงออกในทางสร้างสรรค์ มีทัศนคติเชิงบวก ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และให้ความสำคัญแก่การสร้างคุณค่าในตัวเอง ด้วยการแสวงหาความรู้ เพิ่มพูนทักษะ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่

รวมทั้งร่วมกันสร้างสังคมแห่งความรักความสามัคคี โดยการน้อมนำแนวทางการอุทิศตน เป็นผู้ให้ และเสียสละเพื่อส่วนรวมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาสร้างคุณประโยชน์แก่สังคม และประเทศชาติ ซึ่งจะเป็นการทำหน้าที่พลเมืองที่ดีของชาติ ที่จะส่งเสริมให้สังคม และประเทศชาติ มีความเจริญก้าวหน้าตลอดไป

 

ส่วนสารจากนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ที่มอบเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ความว่า วันเด็กแห่งชาติปีนี้ ขอฝากแนวทางปฏิบัติตนสำหรับเด็กเยาวชนว่า ขอให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติหน้าที่ของตน เป็นคนดี มีความกตัญญู เชื่อฟังพ่อแม่ และผู้มีพระคุณ รู้จักช่วยเหลือเกื้อกูล และแบ่งปัน ยึดถือ และปฏิบัติตามหลักคำสอนทางศาสนา และตั้งใจศึกษาเรียนรู้ให้รอบด้าน

โดยเฉพาะทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เช่น ทักษะการสื่อสาร ความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ ใช้ความรู้และสติปัญญา ด้วยเหตุและผล เคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย ประพฤติตนตามหน้าที่พลเมืองให้สมบูรณ์ ช่วยกันบำรุงรักษา และสืบสานมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของไทย ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และลดการสร้างขยะที่ก่อให้เกิดมลพิษร้ายแรงต่อดิน แหล่งน้ำ และอากาศ

ขอให้ทุกคนร่วมรักษา 3 สถาบันหลักของประเทศ ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมพลังแผ่นดินไทย รู้รักสามัคคี มีความกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกัน

 

สําหรับกิจกรรมหลักในงานวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 64 ภายใต้แนวคิด Wonderful Kids “สุดยอดเด็กไทย” โดย ศธ.ได้จัดกิจกรรมหลักๆ ประกอบด้วย 2 กิจกรรม ได้แก่

  1. กิจกรรมการนำเด็กและเยาวชนดีเด่น และเด็กและเยาวชนนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ประจำปี 2563 ในปีนี้มี 946 คนเข้าเยี่ยมคารวะ และรับโอวาทจากนายกฯ ในวันที่ 8 มกราคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

และ 2. กิจกรรมการฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม มีนายกฯ เป็นประธานเปิดงาน

โดยกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ จัดขึ้นภายใต้ธีม “Fun Thinking & Doing” สนุกคิด สนุกทำ โดยแบ่งโซนกิจกรรมออกเป็น 3 โซนหลัก โซนที่ 1 Citizen Kids : พลเมืองเด็กดี โซนที่ 2 Digital Kids : เด็กยุคดิจิตอล และโซนที่ 3 Environmental Kids : เด็กรักษ์สิ่งแวดล้อม

นายณัฏฐพลกล่าวว่า ในงานมีกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนที่มาร่วมงาน ได้สัมผัสประสบการณ์ความสุข และความประทับใจ โดยความร่วมมือทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมเปิดบูธกิจกรรมกว่า 100 บูธ พร้อมของขวัญนับแสนชิ้น มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานเปิดงาน ที่บริเวณ ศธ.

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ในการจัดงาน เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชน เสริมสร้างความสามัคคี ตลอดจนให้เด็กได้รู้จักหน้าที่ของตน

นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้ใหญ่รับรู้ถึงความต้องการ และความสำคัญของเด็กๆ ที่จะเติบโตขึ้นเป็นอนาคตที่ดีของประเทศ ที่สำคัญ เด็กๆ จะได้ตระหนักถึงพลัง ความมีส่วนร่วมของสังคม สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบให้กับเด็กและเยาวชนในปีนี้ว่า “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”

    ที่ไม่ได้มีความหมายเฉพาะกับเด็กและเยาวชนไทยเท่านั้น แต่นำมาเป็นตัวอย่างถึงความรักสามัคคีของคนไทยทั้งประเทศ!!