เผยแพร่ |
---|
สถานการณ์ประเทศไทยที่เกิดขึ้นตลอดเวลากว่า 5 ปี หรือแม้แต่ล่าสุดไม่นานนี้ ซึ่งเกิดขึ้นประจวบกับที่ภาพยนตร์แนวดราม่า-อาชญากรรมอย่าง “โจ๊กเกอร์” เวอร์ชั่นปี 2019 เข้าฉายพอดี
ภาพสังคมที่เกิดขึ้นทั้งบนโลกแห่งความจริงกับโลกจอเงิน มีหลายคนเอามาเปรียบเปรยกันแบบตลกร้าย หรือแม้กระทั่งพูดเชิงเสียดสีด้วยว่า เผลอๆ สังคมไทยแลนด์จะดาร์คกว่า หดหู่กว่า และชวนเป็นบ้าได้มากกว่า ภาพสังคมก็อตแธมที่ถูกนำเสนอผ่านตัวเอกของเรื่องอย่าง อาร์เธอร์ เฟล็ก ที่จะกลายเป็นโจ๊กเกอร์เสียอีก
พอมีประเด็นสะเทือนหลักการล่าสุดอย่าง การยิงตัวเองของผู้พิพากษาศาลจังหวัดยะลา ที่ใจสำคัญของเรื่องคือ การตัดสินคดีที่ไม่ตรงกันระหว่างผู้พิพากษาบนบัลลังก์กับผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ มากกว่าเป็นเรื่องความเครียดส่วนตัว
กระสุนที่ลั่นไกออกไป สร้างแรงกระเพื่อมถาโถมสังคมให้ชวนตั้งคำถามหรือแม้แต่ คลางแคลงใจกับหลักการในโครงสร้างประเทศที่ตอนนี้ก็เข้าขั้นแย่อยู่แล้ว ให้รู้สึกไม่ดีขึ้นไปอีก
ความดาร์คของปัญหาเชิงหลักการ พุ่งเข้าใส่ความคิดของคนจำนวนมาก จนมีการตั้งคำถามและถกเถียง ซึ่งตอกย้ำรวมเข้ากับความนิยมที่ลดลงอย่างมากของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พักหลังออกมาพูดก่อประเด็นกับประชาชนบ่อยเป็นพิเศษ ตั้งแต่ตอนเวทีเสวนาที่สมาคมเอเชียเรื่องกูเกิล จนมาถึงพูดถึงคนรุ่นใหม่ เน้นแต่วิชาการเยอะ ไม่สนใจสังคม โตมาคิดไม่เป็นแล้วมาให้ปลูกฝังความรักชาติ
ความย้อนแย้งของรัฐบาลที่พยายามให้จบทั้งๆที่สังคมยังคาใจไม่ว่า ปมถวายสัตย์ คุณสมบัติรัฐมนตรีบางคน หรือแม้แต่คุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ในการมานั่งนายกรัฐมนตรี จนมาถึงกระสุนกระตุกปัญหากระบวนการยุติธรรม หรือบทบาทของ กอ.รมน.ที่แทบไม่ต่างกับ คสช.ที่ไปฟ้องพรรคการเมืองฝ่ายค้าน เพียงเพราะมีคนพยายามตั้งคำถามหรือวิจารณ์ความเชื่อในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ของฝ่ายความมั่นคงที่มีวิธีคิดในการรับมือกับปัญหาที่ยังคงเรื้อรังมากกว่าลดลง
แค่สิ่งที่คิดไว้ว่าโครงสร้างรัฐที่ควรจะเป็น กับการปฏิบัติที่สวนทาง ก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตและจิตใจของประชาชนจนบรรยายอะไรไม่ถูกแล้ว
และจะยิ่งดาร์กขึ้นไปอีก ในท่ามกลางประชาชนด้วยกันนั้น ส่วนหนึ่งรู้สึกยินดีกับความย้อนแย้ง ความเหลื่อมล้ำทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ในขณะที่อีกส่วน เอือมระอากับสภาพเช่นนี้แต่ทำอะไรไม่ได้
หากความฟอนเฟะของสังคมบนความยิ่งใหญ่จอมปลอมของนครก็อตแธม ทำให้เกิดคนอย่่างโจ๊กเกอร์ขึ้นมา ข่าวคราวเกี่ยวกับทั้งความรุนแรง หรือการจบชีวิตตัวเองไม่ว่าด้วยเพราะโรคซึมเศร้า หรือความอับจนทางเศรษฐกิจ ที่เราเห็นทุกวัน ก็อาจเป็นสัญญาณอันสะท้อนถึงความเสื่อมโทรมของสังคมไทย
ต่อให้ผู้มีอำนาจมาพูดว่า เศรษฐกิจดีขึ้น หรือประเทศสงบ แต่การกระทำกลับหักล้างคำพูดเหล่านี้จนยากจะปฎิเสธว่าสังคมไทยกำลังป่วยหนัก
หากไม่ยอมรับความจริงตรงนี้อย่างกล้าหาญ หรือหลบเลี่ยงแทนที่จะเผชิญกับปัญหา วงจรทำลายตัวเองจะยิ่งชัดและมากขึ้น
ความดาร์คของสังคมที่เรื้อรัง ก็จะเปลี่ยนคนปกติให้กลายเป็นคนบ้า