รายงานพิเศษ / จังหวะก้าวของ ‘บิ๊กแดง’ ตั้งรับ ร่นถอย ในความเงียบงัน กับบทบาท ‘บิ๊กลือ’ ในศึกเหมาไถ และกลยุทธ์จัดทัพเรือ เมื่อ ‘บิ๊กช่อ’ อยู่ในวงล้อม ตท.20

รายงานพิเศษ

 

จังหวะก้าวของ ‘บิ๊กแดง’

ตั้งรับ ร่นถอย ในความเงียบงัน

กับบทบาท ‘บิ๊กลือ’ ในศึกเหมาไถ

และกลยุทธ์จัดทัพเรือ

เมื่อ ‘บิ๊กช่อ’ อยู่ในวงล้อม ตท.20

 

ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรง พุ่งเป้าไปที่บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม

บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ก็มีจังหวะรุกและรับ ในความเคลื่อนไหวทางการเมือง

ด้วยการออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ ในฐานะผู้ช่วยพระเอก พุ่งกระหน่ำไปที่ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ ชี้เป้าถึงการทำโฆษณาชวนเชื่อ ทำสงครามไซเบอร์ กองทัพโซเชียลในทางการเมือง

ก่อนที่จะเงียบหายไป งดการตอบโต้ทางการเมือง งดให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมือง

แต่รุกหนักในบทบาท ผบ.ทบ. ทั้งการจัดประชุม ผบ.ทบ.ภาคพื้นอินโดแปซิฟิก และการรับมอบรถเกราะ Stryker จาก ทบ.สหรัฐอเมริกา ที่ทำให้วงการอาวุธยุทโธปกรณ์ฮือฮากับดีลพิเศษ ที่ ทบ.สหรัฐ โดย พล.อ. Robert B/Brown ผบ.กองกำลังทางบกภาคพื้นอินโดแปซิฟิก ที่ขายให้ไทยเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในเวลานี้

แถมซื้อ 37 คัน 2,860 ล้านบาท แถม 23 คัน ส่วนล็อต 2 ปีหน้า ซื้อ 50 คัน แถมอีก 30 คัน ในโครงการความช่วยเหลือทางทหาร (FMS)

ที่เป็นเสมือนของขวัญในความสัมพันธ์ที่แนบแน่นทางทหาร และต้อนรับการกลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตยของไทย หลังมีรัฐบาลจากการรัฐประหารมา 5 ปี

ประกอบกับสไตล์การทำงานของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่มักทำงานแบบ ว.5 จะไปไหน ทำอะไร จะมีน้อยคนที่รู้ แบบที่เรียกว่า Need to Know โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ

ไม่ว่าจะในภารกิจของ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และในฐานะ ผบ.ทบ.

รวมถึงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาแบบเงียบๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเป็นภาคต่อของการประชุม ผบ.ทบ.ภาคพื้นดินโดแปซิฟิก และการติดตามผลการจัดซื้อรถเกราะ Stryker หลังจากที่สหรัฐส่งมอบรถ 10 คันแรกให้เมื่อ 2 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา รวมทั้ง การจัดซื้อ ฮ.โจมตี  AH-6i จำนวน 8 ลำพร้อมอาวุธ อะไหล่ จากสหรัฐฯ ผ่านระบบ FMS มาทดแทน ฮ.Cobra ที่ปลดประจำการ อีกราว 1.2 หมื่นล้าน

อันเป็นจังหวะเดียวกับที่กองร้อยทหารราบ 158 นาย จาก ร.29 ไปฝึกประเมินและตรวจสอบ ที่ Fort Polk ลุยเซียนา เพราะ ทบ.ไทยยึดรูปแบบการฝึกศึกษา แบบสหรัฐมาตลอดอยู่แล้ว

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า พล.อ.อภิรัชต์มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้นำทหารสหรัฐ รวมทั้ง ผบ.กองกำลังทางบกของสหรัฐ Gen James C Mc Conville ที่สนิทสนมกันรวดเร็ว เพราะเป็นนักบินเหมือนกัน เป็นนักบิน Cobra เหมือนกัน ฝึกใกล้ๆ กัน และได้เป็น ผบ.ทบ.คนแรกที่มาจากนักบินเช่นกัน และลำดับใกล้ๆ กันคือ ผบ.ทบ.คนที่ 40 ของสหรัฐ และคนที่ 41 ของ ทบ.ไทย

แต่การหลบหลีกจากการเมืองไปทำหน้าที่ของ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ในห้วงที่ผ่านมา เป็นการเตรียมพร้อมที่จะกลับมา พร้อมกับการเปิดเผยบทความเชิงวิทยานิพนธ์ ที่ พล.อ.อภิรัชต์เคยเกริ่นไว้เมื่อ 2 เดือนก่อน

อันเป็นบทความที่รวบรวมประสบการณ์ทางการเมืองมาตั้งแต่ยังเป็นนายทหารเด็กๆ มุมมอง แนวคิด บทเรียน จนถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน

ที่ พล.อ.อภิรัชต์เปิดหัวไว้ว่า “มีคนเดือดร้อนแน่”

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ในขณะที่ ผบ.ทบ.ถูกมองว่า เอนเอียงไปทางสหรัฐ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่กองทัพเรือจะถูกมองว่า เอนเอียงและใกล้ชิดจีน เพราะซื้อทั้งเรือดำน้ำจีน 3 ลำ 3.6 หมื่นล้านบาท และต่อเรือ LPD เรือยกพลขึ้นบกลำใหม่จากจีนอีก 1 ลำ เพื่อเป็นเรือพี่เลี้ยงของเรือดำน้ำ

ถึงขั้นที่ต้องชะลอโครงการต่อเรือฟริเกตสมรรถนะสูง ลำที่ 2 จากเกาหลีใต้ งบฯ 1.5 หมื่นล้านบาทออกไปก่อน และยกเลิกโครงการซื้อเครื่องบินลาดตระเวน 3 ลำ เพื่อนำงบประมาณมาใช้ในการต่อเรือยกพลขึ้นบกลำนี้ รวมทั้งการก่อหนี้ผูกพัน เรือดำน้ำลำที่ 2 ในงบประมาณปี 2563

แต่ด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมของบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. กับผู้นำทหารจีน ทำให้จีนยอมลดราคาให้ จาก 6,500 ล้านบาท เหลือ 6,100 ล้านบาท

แต่ก็ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ดีอย่างเดียว แต่อยู่ที่วิธีการเจรจาต่อรองของ พล.ร.อ.ลือชัยด้วย

โดยเฉพาะการทำศึกเหมาไถ ภาค 2…

 

การลด แลก แจกแถม ที่กลาโหมจีนให้แก่ราชนาวีไทยครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะตอนที่เจรจาซื้อเรือดำน้ำนั้น บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมในเวลานั้น นำทัพมาพบปะเจรจากับ พล.อ.ฉาง ว่าน ฉวน รมว.กลาโหมจีนตอนนั้นด้วยตนเอง

ตามประเพณีแล้ว ในงานเลี้ยงรับรอง ก็ต้องมีการดื่มเหมาไถ เหล้าขาวชื่อดังของจีน ที่ครั้งนั้น พล.ร.อ.ลือชัยกลายเป็นแม่ทัพสู้ศึกเหมาไถ ในการดื่มเพื่อต่อรองและได้ของแถม ทั้งเรื่องการฝึกอบรม และจรวดที่ติดเรือ

โดยมีเสียงเชียร์จาก พล.อ.ประวิตร ว่า “รุดดิษฐ์ๆ” และคอยแอบถามว่า “ไหวไหมๆ”

มาคราวนี้ การต่อเรือยกพลขึ้นบก LPD-071E จากจีน พล.ร.อ.ลือชัยเป็นแม่ทัพในศึกเหมาไถอีกครั้ง

“ถ้าดื่มหมดแก้วใหญ่ จะได้ตามที่ขอ” นั่นคือสัญญาลูกผู้ชายชาติทหารในศึกเหมาไถ แต่ทว่า แก้วหนึ่งก็สำหรับการขอ 1 อย่างเท่านั้น ถ้าหากอยากได้ของแถมหลายอย่าง ก็ต้องดื่มหลายแก้ว

แม้ปกติ พล.ร.อ.ลือชัยจะเป็นคนไม่ดื่มเหล้า แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมตัวเองในการสู้ศึกน้ำใสครั้งนี้ ด้วยการกินโยเกิร์ตรองท้อง และทานอาหารมาก่อน ไม่ให้ท้องว่าง จะได้ไม่เมา ที่ถือเป็นเทคนิคส่วนตัว

แต่กระนั้น ท้องไส้ก็ร้อนผะผ่าวไปทั่ว เมื่อต้องซดเหมาไถหลายๆ แก้วต่อเนื่อง แบบที่ต้องหมดไม่ให้เหลือสักหยด แบบซดหมดแล้วคว่ำแก้วให้เห็นกันเลยทีเดียว

จึงไม่แปลกที่ในการต่อเรือยกพลขึ้นบกจากจีนลำนี้ จีนจะลดราคาให้ แต่เป็นราคาเรือเปล่า ที่ ทร.กำลังตัดสินใจว่าจะซื้ออาวุธจากประเทศใด

แต่เล็งจรวด SuperSonic, Cruise missile ของจีนไว้เช่นกัน เพราะมองว่ามีประสิทธิภาพ ทันสมัย แต่ก็เตรียมแผนที่จะเจรจากับผู้นำทหารจีน ในเรื่องการลดราคา หรืออาจจะขอฟรีเลย นั่นหมายถึงอาจต้องทำศึกเหมาไถอีกครั้ง

กระนั้น ไม่ใช่แค่การทำศึกร่ำสุราตามธรรมเนียมจีน ที่ทำให้ผู้นำทหารจีนยอมลดแลกแจกแถมให้ แต่เพราะเหตุที่ พล.ร.อ.ลือชัยเป็นนายทหารเรือที่นิยมจีนอยู่แล้ว ด้วยเหตุที่อ่านสามก๊กมาถึง 5 ครั้ง จนทำให้ปรัชญาจีน และการยุทธ์ในแบบสามก๊ก ซึมลึกเข้าไปในตัว

จนทำให้การพูด หรือแนวคิดของ พล.ร.อ.ลือชัย จึงมีกลิ่นอายของปรัชญาจีนเสมอ

และเป็นที่รู้กันดีว่า ที่ห้องทำงาน พล.ร.อ.ลือชัยจะเปิดเพลงจีนบรรเลงตลอดทั้งวัน พร้อมปลูกไผ่จีนและภาพวาด หรือรูปปั้นกวนอู, จูล่ง และเดินทางไปจีนเป็นระยะๆ เพื่อติดตามความคืบหน้าการต่อเรือดำน้ำ

และเยี่ยมกำลังพล ทร.ที่อยู่ร่วมทำงานกับจีนในการสร้างเรือดำน้ำ

พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์

แม้ว่ากองทัพบกจะหันไปซื้อรถเกราะสหรัฐอเมริกา Stryker ก็ตาม แต่ก็แค่สำหรับ พล.ร.11 ที่จะมาทำหน้าที่แทน พล.1 รอ. ที่ไปขึ้นอยู่กับ ทม.รอ.904 แล้ว

แต่โครงการซื้อรถเกราะ VN1 และรถถัง VT4 ของจีน ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นคนละหน่วย คนละส่วน และต่างภารกิจกัน

จีนลดแลกแจกแถมให้ไทยมาตั้งแต่ครั้งบิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น ผบ.ทบ. ที่สนิทสนมกับผู้นำทหารจีนอย่างมาก จนทำให้จีนให้เงื่อนไขพิเศษคือ จ่ายก่อนผ่อนทีหลัง ยาวนาน 10 ปี พร้อมแถมอะไหล่ให้อีก โดยเฉพาะรถสายพานลำเลียงพล แบบ T-85 หลายร้อยคัน ที่ยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน

บทบาทของ พล.ร.อ.ลือชัยในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการกระชับสัมพันธ์แดนมังกร น่าจับตายิ่ง รวมทั้งใน 1 ปีที่เหลือของการเป็น ผบ.ทร.

 

ที่ถือว่าเป็น ผบ.ทร.ที่เป็นที่เลืองลือในเรื่องความเป็นผู้นำที่ลงแข่งขันไตรกีฬา ที่จัดขึ้นทั้ง 5 สนาม ด้วยตนเอง และเตรียมจัดอีก 4 สนามในปีหน้า

“ตอนที่วิ่งไปเหนื่อยๆ ก็ถามตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมเราต้องมาเหนื่อยขนาดนี้ เราเป็น ผบ.ทร.นะ แต่อีกใจหนึ่งตอบว่า เพราะเราเป็น ผบ.ทร. เพราะเราเป็นผู้นำเขาไง เราก็ต้องนำ และเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่สั่งอย่างเดียว ให้คนอื่นทำ แล้วตัวเองไม่ทำ” บิ๊กลือกล่าว

รวมทั้งเป็น ผบ.ทร.ที่เลื่องลือในความดุ เด็ดขาด เอาจริง ที่สร้างความฮือฮาคือ การประกาศบนเวทีในการพบปะสื่อมวลชน เตือนบิ๊กๆ ทร.ไว้เลยว่า “ผมไม่ใช่คนดุ แต่เด็ดขาด ถ้าใครทำชั่วให้เห็น จะถูกเด็ดคอได้ง่ายๆ โดยไม่รู้ตัว แต่เจ้าตัวจะรู้ดีว่า เพราะเรื่องอะไร”

เพราะในการแต่งตั้งโยกย้าย ทร.ครั้งที่ผ่านมา บิ๊กลือก็เด้งนายทหารเรือหลายคนเข้ากรุ โดยใช้ปรัชญาการเลือกไข่ใส่ตะกร้า

“ผมไม่ได้เพิ่งมาดูเอาตอนนี้ แต่ผมดูมาตั้งแต่เป็นนายทหารเรือเด็กๆ ว่าเป็นยังไง ผมใช้เวลาจัดโผ 2 เดือน สวดมนต์ก่อน แล้วจัดจนถึงตี 3 จน คุณภรรยาต้องมาเรียกให้ไปนอน ครั้งนี้ผมมีที่ปรึกษาดี ฝ่ายกฎหมายดี จึงไม่ได้ทำผิดกติกาอะไรเลย” พล.ร.อ.ลือชัยระบุ

แต่ก็ปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า ได้เล็ง ผบ.ทร.คนต่อไปไว้ในใจแล้ว โดยเฉพาะ 1 ใน 3 ฉลามแคนดิเดต

“ยังไม่ได้ตัดสินใจ ต้องให้เขาทำงานแข่งกัน” พล.ร.อ.ลือชัยระบุ

 

พร้อมเผยว่า แคนดิเดต ผบ.ทร.คนต่อไป อย่ามองแค่ใน 5 ฉลามเท่านั้น แต่พลเรือเอกทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นแคนดิเดต

นั่นหมายถึง ทั้งบิ๊กแมว พล.ร.อ.สมชาย ณ บางช้าง ที่ขึ้นเป็นประธานที่ปรึกษากองทัพเรือ ครองอัตราพลเรือเอกพิเศษ และบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ที่จะข้ามไปเป็นรองปลัดกลาโหมก็ตาม

ดังนั้น จึงมีแคนดิเดตเป็นพลเรือเอกพิเศษถึง 3 นาย รวมทั้งบิ๊กช่อ พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ ที่ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทร. จ่อคิวไว้ด้วย

นอกเหนือจากบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เสธ.ทร. ที่ขยับขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทร. และบิ๊กแก๋ง พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 ที่ขยับขึ้นเป็นพลเรือเอก ตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ โดยทั้งหมดเกษียณราชการกันยายน 2564 พร้อมกัน คงมีเพียง พล.ร.อ.สมประสงค์ ที่เกษียณกันยายน 2565

นั่นหมายถึง พล.ร.อ.ช่อฉัตร เป็นเตรียมทหารรุ่น 19 คนเดียวที่แวดล้อมไปด้วย 4 แคนดิเดตจากเตรียมทหารรุ่น 20

แต่ก็ถือว่าได้เปรียบ เพราะเป็นรอง ผบ.ทร. จ่ออยู่ เหตุเพราะอาวุโสสูงสุด

อีกทั้ง พล.ร.อ.ลือชัยก็รับรู้ถึงการที่ พล.ร.อ.ช่อฉัตรถูกมองข้ามมาในบางยุค ทั้งๆ ที่มีความสามารถ แล้วยิ่งหากดูประวัติด้วยแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดา

ทั้งเคยเป็นผู้บังคับการเรือ แม้จะไม่ใช่เรือใหญ่ แต่ก็ได้ชื่อว่าเคยเป็นผู้การเรือ เช่น ผบ.เรือหลวง คลองใหญ่ เรือหลวงหาญหักศัตรู เป็น ผอ.กองการฝึก กรมยุทธการทหารเรือ ผช.ทูตทหารเรือไทยประจำลอนดอน นครโคเปนเฮเกน และกรุงออสโล ก่อนกลับมาเติบโตในสายการศึกษา ทั้ง ผบ.วิทยาลัย เสธ.ทร. ผบ.วิทยาลัยการทัพเรือ และเจ้ากรมยุทธศึกษา ทร.

จึงน่าจับตามองอย่างยิ่งว่า ผบ.ทร.ในใจของ พล.ร.อ.ลือชัย จะเป็นใคร

แต่ส่วนใหญ่จะเล็งไปที่ พล.ร.ท.สิทธิพร พล.ร.อ.ชาติชาย หรือ พล.ร.อ.ช่อฉัตร

แต่ที่แน่ๆ พล.ร.อ.ลือชัยดักคอไว้ก่อนเลยว่า ถ้าใครใช้วิธีการให้ร้ายป้ายสีแคนดิเดตคนอื่น หากรู้ ก็จะให้ไปต่อท้ายแถวเลยทีเดียว

“มันต้องดูหลายอย่าง ทั้งไข่เองว่า เปลือกงาม มีแมลงวันตอมไหม ตอกออกมา ไข่แดงดีไหม เพราะไม่ใช่แค่ชะตาฟ้าลิขิต แต่ต้องดูสถานการณ์ในภายภาคหน้าด้วย” พล.ร.อ.ลือชัยกล่าว

“เราต้องใช้คนให้เหมาะกับงาน เช่น ทำไมต้องให้กวนอูครองเมือง เตียวหุยไปดูชายแดน และจูล่งไว้ข้างกาย” บิ๊กลือยกสามก๊กมาเป็นหลักคิด

นั่นหมายถึงว่า แคนดิเดตทุกคนยังมีโอกาส แต่ทว่า อย่าพลาดทำเสียคะแนนในสายตาบิ๊กลือ

แม้ว่าแคนดิเดตจากเตรียมทหาร 20 จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.อภิรัชต์ก็ตาม แต่เชื่อกันว่า พล.ร.อ.ลือชัยคงไม่ปล่อยให้ พล.อ.อภิรัชต์เข้ามามีส่วนในการเลือก ผบ.ทร.คนใหม่ด้วยแน่

แม้จะเป็นมือขวาของ พล.อ.ประยุทธ์ รมว.กลาโหมก็ตาม

    เรียกได้ว่า ทั้ง ผบ.ทบ. และ ผบ.ทร. เข้มข้นพอๆ กัน