จาก ‘บิ๊กกบ’ สู่ ‘บิ๊กแก้ว’จับตาเปลี่ยนโฉมทัพไทย

จับตาทีมทหารม้าและศึกนักบิน ชิงแม่ทัพฟ้า

‘Osprey-Eagle-Snowy-Stallion’ ส่งท้าย ‘บิ๊กต่าย’

บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ กลายเป็นความหวังของบรรดาทหารม้า ที่จะได้ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป

หลังจากที่เคยมีบิ๊กตุ้ย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ และบิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ เคยเป็น ผบ.สส.มาแล้ว

แถมบิ๊กแก้วยังจะเป็นผู้บุกเบิกสู่การเปลี่ยนแปลงใน บก.ทัพไทย ในฐานะหัวหอกของทหารคอแดง ทหารม้า และเตรียมทหารรุ่น 21

แม้ 1 ปีจากนี้ บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี จะยังคงเป็น ผบ.ทหารสูงสุดต่อเป็นปีที่ 2 และจะเกษียณ 30 กันยายน 2563

แต่ พล.อ.เฉลิมพลก็จะเป็นเป้าของการถูกจับตามอง

และถือเป็นสายตรงของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในฐานะที่ส่งบิ๊กแก้วมาหยั่งรากทหารคอแดงที่ บก.ทัพไทย

และในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น แม้บิ๊กแดงจะเรียน ตท.20 แต่ก็มีไปเรียนกับ ตท.21 ด้วย จนทำให้สนิทสนมกับบิ๊กแก้ว ที่เป็นแกนนำรุ่น คนเก่งของรุ่น และเป็นนักกีฬาด้วย

ที่สำคัญคือ ในฐานะที่ พล.อ.อภิรัชต์เป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) ส่วนบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย

กล่าวกันว่า เมื่อครั้งที่ พล.อ.ธารไชยยันต์ เป็น ผบ.ทหารสูงสุด ก็เคยชักชวนให้ พล.อ.เฉลิมพลเปลี่ยนเส้นทางจาก ทบ.มาเติบโตที่ บก.ทัพไทยมาแล้ว

เพราะรู้กันดีว่า มีสัญญาณพิเศษให้บิ๊กบี้ พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เป็น ผบ.ทบ. อยู่แล้ว โดยเกษียณกันยายน 2566 พร้อมบิ๊กแก้ว

ทั้งนี้ บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล เคยอยู่ ม.พัน 1 รอ. มากับ พล.อ.ธารไชยยันต์ ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับกองพัน จึงรู้มือรู้ทางกัน

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นใดๆ ที่ พล.อ.พรพิพัฒน์จะเปิด บก.ทัพไทยต้อนรับการข้ามห้วยของ พล.อ.เฉลิมพล เพื่อมาจ่อขึ้นเบอร์ 1 ณ เสือป่า แจ้งวัฒนะ แม้จะส่งผลกระทบให้นายทหารดาวเด่นใน บก.ทัพไทย ที่มีอายุราชการถึง 2566 ต้องอนาคตดับวูบกันไปก็ตาม

เพราะ พล.อ.พรพิพัฒน์ ก็ได้ชื่อว่าเป็น “ทีมบิ๊กต๊อก” ทำงานกับ พล.อ.ธารไชยยันต์มาก่อน

ไม่แค่นั้น พล.อ.พรพิพัฒน์ ยังได้ชื่อว่าเป็นนายทหารเหล่าราบ แต่มีทหารม้ารอบกาย ทำงานกับทหารม้า และแม้แต่สไตล์ก็คล้ายๆ ทหารม้า

จึงไม่แปลกที่บรรดานายทหารม้าใน บก.ทัพไทยหลายคนที่เคยได้ขยับในยุค พล.อ.ธารไชยยันต์เป็น ผบ.ทหารสูงสุด ก็จะได้เข้าไลน์ในยุค พล.อ.พรพิพัฒน์ นี้ แม้ในโผโยกย้ายที่ผ่านมาจะไม่ได้ขยับ เพราะข้างบน “ตัน” ก็ตาม

ทั้งบิ๊กหรั่ง พล.อ.พีรพงษ์ เมืองบุญชู เพื่อนทหารม้า ตท.18 ที่ได้ขึ้นเป็น ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.)

บิ๊กไก่ พล.ท.สุพจน์ มาลานิยม เจ้ากรมยุทธการทหาร นายทหารม้านักรบเหรียญกล้าหาญ ที่ได้ขึ้นรอง เสธ.ทหาร

กล่าวกันว่า เคยเป็นนายทหารรุ่นน้อง ตท.22 ที่ พล.อ.พรพิพัฒน์เคยหมายมองที่จะให้ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเกษียณกันยายน 2566

แต่เมื่อ พล.อ.เฉลิมพลที่เกษียณ 2566 เช่นกัน ได้รับฉันทานุมัติจากทุกฝ่าย ให้ข้ามมาเป็น เสธ.ทหาร และจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุดในปีหน้า แผนการวางตัวแม่ทัพนายกองของ พล.อ.พรพิพัฒน์ ต้องเปลี่ยนใหม่

จากโผนี้ พล.อ.พรพิพัฒน์วางตัว เสธ.จ่อย พล.ต.ธิติชัย เทียนทอง เจ้ากรมยุทธการทหารคนใหม่ ให้รอจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อจาก พล.อ.เฉลิมพล เพราะนอกจากความสามารถแล้ว เป็น ตท.24 เกษียณกันยายน 2568 แม้จะไม่ใช่ทหารม้า แต่เป็นทหารปืนใหญ่ก็ตาม

เพราะทายาททหารม้าอย่างบิ๊กแขก พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล ผบ.สปท. นั้น ก็หมดโอกาส เพราะเกษียณ 2565 ก่อน พล.อ.เฉลิมพล

แต่ในโผนี้ ก็มีทหารม้า ตท.20 อย่าง เสธ.อิ๊ด พล.ท.อภิสิทธิ์ นุชบุษบา เสธ.นทพ. มาเป็นเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร

และมี เสธ.หมู พล.ต.สุเมธ พรหมตรุษ แกนนำ ตท.28 ขยับจาก เสธ.ศูนย์ต่อต้านก่อการร้ายฯ (ศตก.) ขึ้นเป็นรอง ผบ.ศตก.

แต่กระนั้นก็ตาม ก็ใช่ว่าแม่ทัพนายกองที่ พล.อ.พรพิพัฒน์วางตัวไว้ในโผนี้ เช่น พล.ต.นที วงศ์อิศเรส อีกคน ที่ขึ้นเจ้ากรมข่าวทหารคนใหม่ แม้จบนายร้อยเวสต์ปอยต์จากสหรัฐ แต่เป็นเตรียมทหาร 24 และเกษียณกันยายน 2567

เพราะต้องรอดูว่า พล.อ.เฉลิมพลจะเตรียมวางทายาทของตนเองไว้หรือไม่ โดยเฉพาะทหารม้า ที่มีข่าวสะพัดกันแล้วว่า จะถูกดึงมาเติบโตที่ บก.ทัพไทย โดยเฉพาะนายทหารม้าที่โตมาจาก พล.ม.2 รอ. เพราะ พล.อ.เฉลิมพลก็เคยเป็น ผบ.พล.ม.2 รอ.

และต้องไม่ลืมว่า พล.อ.เฉลิมพล คือสายตรง พล.อ.อภิรัชต์ ที่ถือเป็น ผบ.ทบ.ที่มีเพาเวอร์ โดยเฉพาะในยุคนี้ ที่บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็น รมว.กลาโหมด้วย

แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ การถูกมองว่า ทบ.มายึดกองทัพไทย แม้ว่านายทหารบกใน บก.ทัพไทยส่วนใหญ่จะเคยอยู่กองทัพบกก็ตาม

แม้ บก.ทัพไทยจะถูกมองว่าไม่ใช่หน่วยกำลังรบ แต่เป็นหน่วยบังคับบัญชาของเหล่าทัพ และดูเรื่องการฝึก ศึกษา และความสัมพันธ์กับกองทัพมิตรประเทศ

พล.อ.เฉลิมพลเคยเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก ย่อมมีประสบการณ์และวิสัยทัศน์ในเรื่องการฝึก และการทูตทางทหาร

ขณะที่กองทัพอากาศ ที่กำลังเป็นช่วงเดินสายอำลาหน่วย และกองบินต่างๆ ของบิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. ที่จะเกษียณในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

สไตล์ของบิ๊กต่ายนั้นเป็นที่รู้กันในหมู่นักบิน ว่า เมื่อมีการตรวจเยี่ยมอำลาตามระเบียบแบบแผนแล้ว ในตอนเย็นจะมีการพบปะทานข้าวด้วยกัน เพื่อคุยกันแบบพี่น้อง

โดยเฉพาะประเพณี “หม้อสามัคคี” ตามสไตล์นักบินไฟเตอร์ call sign “Stomper” ที่วัดใจและดูนิสัยลูกน้อง ตั้งแต่เป็นผู้บังคับฝูงเอฟ 16 ที่โตมาจากฝูงบิน 103 กองบิน 1 โคราช

เป็นหม้อสามัคคีที่ใส่เหล้าเบียร์รวมกัน แล้วเวียนกันซดกินทีละคน ที่จะดูใจ ดูนิสัยได้ว่า ใครดื่มมาก เพื่อหวังให้คนอื่นดื่มน้อย แต่ถ้าใครดื่มน้อย แสดงถึงความเห็นแก่ตัว เรียกว่า หม้อสามัคคีวัดใจ ที่ยังคงมีอยู่จนทุกวันนี้

“มีแต่คนบอกว่า ผมดุ ผมไม่ได้ดุ แต่เข้มงวด เอาจริง เวลาตั้งคำถาม คือ จะถามแบบปลายปิด ไม่ใช่คำถามปลายเปิด เพราะเราต้องละเอียด เพื่อไม่ให้ผิดพลาดใดๆ ตามมา” บิ๊กต่ายเผย

แม้จะเป็น ผบ.ทอ.ปีเดียว แต่ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ก็เติบโตมาในเส้นทางเสืออากาศ นักบินไฟเตอร์ ที่ผ่านตำแหน่งสำคัญ ที่วางระบบสำคัญต่างๆ ด้านยุทธการมาตลอด ทั้งผู้ฝูง ผู้การกองบิน 1 ผช.ทูต ทอ.ประจำเยอรมนี และเป็นเจ้ากรมข่าว ทอ. เจ้ากรมยุทธการ ทอ. รอง เสธ.ทอ. และ ผช.ผบ.ทอ. ก่อนขึ้น ผบ.ทอ.

ก่อนที่จะเกษียณ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ได้วางระบบการพัฒนากองทัพอากาศแบบก้าวหน้า ไปสู่การมีศูนย์อวกาศ และการมีดาวเทียมในอนาคต เพื่อก้าวสู่การทำหน้าที่ดูแลน่านฟ้าไทยอย่างเต็มรูปแบบไปจนถึงอวกาศ สู่การเป็น “กอ.รมน.อากาศ” จากที่มี “กอ.รมน.” บก ของทหารบกเป็นหลัก และ “กอ.รมน.ทะเล” หรือ “ศรชล” ที่มี ทร.เป็นแม่งานหลัก

“หลัง 1 ตุลาคม ผมก็จะพักผ่อน ไม่ทำอะไรเลย และจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องใดๆ กับน้องๆ เพราะเราไว้วางใจให้เขาขึ้นมาดูแลกองทัพอากาศแทนเราแล้ว ผมจะไม่มา coaching น้อง เพราะผมเองก็ไม่ชอบให้ใครมา coaching ผมอยู่แล้ว ผมก็จะไม่ทำ”

พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ทิ้งท้าย

 

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่าหลังเกษียณแล้ว บิ๊กต่าย Stomper จะมีตำแหน่งใดรองรับ โดยเฉพาะด้านการบิน

แต่ที่จับตามองก็คือ ต่อจาก “Jetta” บิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ที่จะขึ้น ผบ.ทอ.คนใหม่ 1 ตุลาคม 2562 นี้ และจะเกษียณกันยายน 2563 นี้ ใครจะมาเป็น ผบ.ทอ.ต่อ

เพราะจะเป็นการแข่งขันที่เข้มข้น เพราะมีแคนดิเดตหลายคน

แต่คนที่ถูกวางตัวให้เป็นเต็งหนึ่งคือ บิ๊กจ้อ พล.อ.ท.ธรินทร์ ปุณศรี รอง เสธ.ทอ. ที่ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทอ. เป็น 1 ใน 5 เสืออากาศ หลัง 1 ตุลาคมนี้

เพราะนอกจากเป็นเพื่อน ตท.20 ของ พล.อ.อ.มานัต แล้ว ยังเป็นนักบินเอฟ 16 ที่มี call sign นามเรียกขานว่า Osprey และเกษียณกันยายน 2564

 

และเชื่อกันว่า การเป็นน้องชายบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.อ.ธเรศร์ ปุณศรี อดีต เสธ.ทอ. ที่พลาดเก้าอี้ ผบ.ทอ.ในยุคนั้น จะต้องผลักดันให้น้องชายได้ถึงฝั่งฝัน เพราะบิ๊กเจี๊ยบยังมีเพาเวอร์อยู่

ขณะที่ เสธ.ต่วย พล.อ.ท.สุทธิพันธ์ ตายทอง รอง เสธ.ทอ. ที่ขึ้นมาเป็น เสธ.ทอ.นั้น มีอายุราชการถึง 2565 เป็นรุ่นน้อง ตท.21 แต่เสียเปรียบบิ๊กจ้อตรงที่ แม้จะเป็นนักบิน แต่ไม่ใช่นักบินเอฟ แต่บินเครื่องบินโจมตี A-37 และเติบโตมาในสายกำลังพล จึงไม่มี call sign แต่มีนามเรียกขานในภาพรวมว่า Eagle

แต่ทั้งนี้ ในอดีตก็มีนายทหารอากาศที่ไม่ได้เป็นนักบินเอฟ ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศแล้วหลายคน

แต่คนที่มองข้ามไม่ได้คือ Stallion บิ๊กตั้ว พล.อ.ท.สฤษดิ์พงศ์ วัฒนวรางกูร ตท.21 ที่เกษียณ 2565 ที่ขึ้นมาเป็นพลอากาศเอกในโผนี้แล้ว แม้ไม่ได้เป็น 5 เสืออากาศ ท็อปไฟว์ แต่มีคอนเน็กชั่นที่สตรองมาก และเป็นน้องรักของบิ๊กต่ายด้วย

เพราะหากพลาดเก้าอี้ ผบ.ทอ.ในครั้งหน้า ก็ยังมีโอกาสในครั้งต่อไป เพราะเกษียณ 2565?

ที่คาดกันว่า ในการโยกย้ายปลายปีหน้า จะเบียดขึ้นมาอยู่ในห้าเสืออากาศ เพื่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ.ในอนาคต

เช่นเดียวกับ Snowy บิ๊กป้อง พล.อ.ท.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ตท.21 ที่ขึ้นมาเป็น ผบ.คปอ.ในโผนี้ ก็มีอายุราชการถึงกันยายน 2565 ที่ก็ขึ้นมาอยู่ในท็อปไฟว์ทัพฟ้า เพื่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ.ได้

หาก พล.อ.ท.นภาเดชได้เป็น ผบ.ทอ.ในอนาคต. ก็จะถือเป็นประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศเลยทีเดียว เพราะเคยมี พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ เป็น ผบ.ทอ.มาแล้ว และยังมีชีวิตอยู่

จากนี้ไป ทุ่งดอนเมืองคงจะกลับมาเข้มข้นจากการชิงเก้าอี้แม่ทัพฟ้ากันอีกครั้ง

   เป็นศึกนักบินที่ต้องจับตามอง!! เพราะการเลือกใครเป็น ผบ.เหล่าทัพ จากนี้ไป พล.อ.อภิรัชต์ น้องรักบิ๊กตู่ และเชื่อกันว่า มีส่วนสำคัญในการสนับสนุน พล.อ.อ.มานัต เพื่อน ตท.20 ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.ด้วยนั้น ย่อมมีบทบาทด้วยเช่นกัน