จังหวะขยับ หลัง 1 ขวบปี “อนาคตใหม่” ส.ส.-คณะทำงานจังหวัด พร้อมใจลุยพื้นที่

ถือเอาการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อ 27 พฤษภาคม ปีที่แล้วเป็น “วันเกิดพรรค”

หากนับสมาชิกที่ร่วมยกมือเลือกกรรมการบริหารตอนจัดตั้งราว 500 คน หากนับเอาการแสดงวิสัยทัศน์ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาฯ พรรค ที่มีคนร่วมฟังราว 2,500-3,000 คน กล่าวได้เลยว่า วันนี้ผ่านมา 1 ปี พรรคอนาคตใหม่มาไกลจากจุดนั้นมาก

วัดได้จากยอดสมาชิกอย่างเป็นทางการวันนี้ 54,000 คนทั่วประเทศ พิสูจน์ได้จากคะแนนเสียงที่ได้รับในการเลือกตั้งที่ผ่านมา 6.3 ล้านคะแนน และประเมินอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรมได้จากจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้เข้าสภา 81 ที่นั่ง

และจะมากกว่านี้ ถ้าไม่เผชิญกับ “สูตรคำนวณ” อันพิสดารของ กกต.

1 ปี “อนาคตใหม่”
จังหวะขยับที่น่าสนใจ

ในงาน “1 ปี พรรคอนาคตใหม่ ก้าวไปด้วยกัน Walk with me, Talk with me” ก็เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์จังหวะก้าวของพรรค

นอกจากธนาธร, ปิยบุตร และพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งขึ้นเวทีจนอาจเรียกได้ว่า “ขาประจำ” แล้ว ในงานที่คนเต็มความจุหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ยังมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงที่อาจกล่าวได้ว่า “กลางๆ” อีกจำนวนมากที่กล้าเปิดตัว และร่วมพูดคุยบนเวที

อาทิ สิงห์-วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล พิธีกรและนักเขียนชื่อดัง, เพชร-กรุณพล เทียนสุวรรณ ดาราชื่อดัง รวมถึง ธนบัตร ชายด่าน อาจารย์ นักเขียนและเจ้าของเพจตุ๊ดส์ review

ซึ่งในเวทีเดียวกันนี้ แน่นอนว่าไฮไลต์อยู่ที่หัวหน้าพรรค ซึ่งขึ้นพูดเป็นคนสุดท้ายถึง “การเดินต่อไปของพรรคอนาคตใหม่”

ธนาธรเปิดเผยว่า การทำงานของพรรคอนาคตใหม่ การทำงานของ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จากนี้จะสอดคล้องและประสานกันใน 3 เรื่อง นั่นคือ

1. งานในสภาผู้แทนราษฎร แม้ตนจะไม่ได้เข้าไปทำงานในสภา แต่ยังมีเพื่อน ส.ส.อีก 80 คน โดยจะนำวัฒนธรรมการเมืองใหม่ๆ มาใช้ทำงานในสภา จะฟังปัญหาประชาชน เปิดให้ประชาชนเข้ามาพูดคุยถึงปัญหา และให้ ส.ส.ของพรรคไปผลักดันต่อ ทั้งกระทู้ถาม ทั้งตั้งญัตติ

รวมถึงผ่านกรรมาธิการชุดต่างๆ ที่มีหน้าที่ในการเสนอร่างกฎหมาย ทั้งหมดนั้นใช้กลไกรัฐสภาผลักดัน

2. งานสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง จะมีการสรุปบทเรียนการทำงานตลอด 1 ปีที่ผานมาแล้วเดินหน้าต่อ คนที่ไม่ได้เข้าไปทำงานในสภาจะออกไปขยายความคิดและอุดมการณ์ของพรรค ขยายแนวร่วมในกลุ่มประเด็นปัญหาต่างๆ ฟังข้อเสนอและชักชวนมาทำงานร่วมกัน

ตั้งเป้าให้มีการโหวตออนไลน์โดยสมาชิก เพื่อร่วมกำหนดทิศทางของพรรคให้ได้ในสิ้นปี รวมถึงทำให้พรรคมีอิสระทางการเงิน ทุกคนเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง

3. งานการเมืองท้องถิ่น การเลือกตั้งในอนาคคตอันใกล้อาจส่งไม่ครบทั้ง 77 จังหวัด แต่เล็งพื้นที่ยุทธศาสตร์ 20-30 จังหวัด เพื่อเป็นการสานต่อนโยบายยุติระบบรัฐราชการรวมศูนย์ กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นอย่างแท้จริง

การเมืองท้องถิ่นจะไม่ใช่เรื่องของอิทธิพล เรื่องของนามสกุล เรื่องของเงิน แต่เป็นการแข่งขันกันที่นโยบาย

“เขย่าการเมืองท้องถิ่น” ด้วยนโยบายระดับชาติที่มีเป้าหมายนำอำนาจและงบประมาณกลับลงไปสู่ท้องถิ่น

ส.ส.-ทีมจังหวัดลุยแหลก
เดินหน้า “การเมืองสร้างสรรค์”

ถึงเวลานี้ “พรรคอนาคตใหม่” ไม่ได้มีแค่ธนาธร ปิยบุตร และพรรณิการ์อีกต่อไปแล้ว

คณะทำงานทั้ง 77 จังหวัด ส.ส.อีกกว่า 80 คน กำลังร่วมกันพิสูจน์ “การเมืองแบบใหม่” ไปให้ไกลกว่า “แม่เหล็ก” ทั้ง 3 รายชื่อข้างต้น

เราจึงได้เห็น “ทีมอนาคตใหม่” ทั้งตัว ส.ส. ทั้งคณะทำงานจังหวัด ลุยงานกันเต็มที่

เป็นต้นว่า คณะทำงานพรรคอนาคตใหม่ จ.เพชรบูรณ์ ลงพื้นที่ศึกษาพร้อมเก็บข้อมูลปัญหาที่ ต.น้ำก้อ และ ต.ฝายนาแซง อ.หล่มสัก อันเนื่องมาจากกรณีเกษตรกรและผู้รับซื้อยาเส้น ได้รับผลกระจากจากการขึ้นภาษียาสูบแบบก้าวกระโดด ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบเคยยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลผ่านทางจังหวัดไปแล้ว

งานนี้ได้ใจชาวเพชรบูรณ์ มีเสียงชื่นชมว่าแม้พรรคอนาคตใหม่ไม่มี ส.ส.ในจังหวัด แต่ทีมงานก็ไม่ทิ้งพื้นที่

พีรเดช คำสมุทร ส.ส.เขต 6 จ.เชียงราย เดินทางไปพร้อมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่นำโดย เตือนใจ ดีเทศน์ รับฟังข้อมูลจากชุมชนกรณีที่มีชาวบ้านร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการโรงแต่งแร่ดีบุก ซึ่งจะสร้างในบ้านหมู่ 9 บ้านสันมะเค็ด อ.เชียงแสน

สมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.เขต 21 บางนา-พระโขนง กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ รุดไปยังพื้นที่อย่างทันทีทันใด เพื่อติดตามคดีวินมอเตอร์ไซค์ยกพวกตีกันบริเวณปากซอยสุขุมวิท 103 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส

รวมถึงกรณี ศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.เขต 1 จ.ตราด จัดเวทีใหญ่เสวนา “ทางออกประมงไทย” โดยมีชาวประมงภาคตะวันออก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยงานนี้ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่เข้าร่วมคึกคักหนาตา

ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ได้แก่ ธนาธร, ปิยบุตร, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, คารม พลพรกลาง และเบญจา แสงจันทร์

รวมถึง ส.ส.ในพื้นที่ภาคตะวันออก ได้แก่ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.เขต 1 จ.จันทบุรี, จารึก ศรีอ่อน ส.ส.เขต 2 จ.จันทบุรี, ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.เขต 3 จ.จันทบุรี, จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.เขต 4 จ.ฉะเชิงเทรา, ขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.เขต 5 จ.ชลบุรี และกวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.เขต 7 จ.ชลบุรี

นี่เป็นเพียงบางส่วน ยังไม่นับ ส.ส.และคณะทำงานแต่ละจังหวัดที่ลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างสม่ำเสมอ แม้จะผ่านฤดูกาลการเลือกตั้งไปแล้ว

ทั้งหมดเหมือนต้องการพิสูจน์คำของธนาธรที่กล่าวไว้ในเวทีครบรอบ 1 ปี ว่า “พรรคนี้ต้องยิ่งใหญ่กว่าธนาธร พรรคนี้ต้องไปไกลกว่าปิยบุตร พรรคนี้ต้องเข้มแข็งกว่าพรรณิการ์ เพราะฉะนั้น อยากให้ทุกคนมาร่วมกันสร้างพรรคนี้ให้เข้มแข็ง ให้เป็นพรรคของทุกคน”

ติดตามกันต่อไป พรรคอนาคตใหม่จะยืนระยะได้ยาวแค่ไหน