เรียบร้อยตามคาดชื่อ ‘ชวน หลีกภัย’ นั่งปธ.สภาฯ อีกครั้ง สร้างตำนาน ปธ.สภาฯ 2 สมัย อดีตนายกฯ 2 สมัย แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสียหมด แต่ก็สร้างความตึงเครียดให้กับพรรคพลังประชารัฐไม่น้อย ช่วง 3 วันที่ผ่านมา เพราะพรรคประชาธิปัตย์ งัดไพ่ใบสุดท้าย คืนก่อนโหวต ปธ.สภาฯ เสนอชื่อ ‘ชวน’ ขึ้นชิงเก้าอี้ ปธ.สภาฯ เพราะ ก่อนหน้านี้เป็นชื่อ ‘บัญญัติ บรรทัดฐาน’ และ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ทำให้เกิด ‘ความหวาดระแวง’ ขึ้นมาทันที
.
ปฏิเสธไม่ได้ว่าชื่อของ ‘ชวน’ มี ‘บารมี’ ไม่น้อยในการเป็นที่ยอมรับของทั้ง 2 สภา ด้วยประสบการณ์ทำงานที่การันตีและอุปนิสัยส่วนตัวที่ผู้คนให้ความเคารพ และลดภาพ พปชร. รวบตำแหน่งไว้คนเดียว ทั้งที่ไม่ได้ชนะขาดในการเลือกตั้ง โดยก่อนเริ่มประชุมสภา ส.ส. ‘เสี่ยหนู’อนุทิน ชาญวีรกูล หน.ภูมิใจไทย ได้เผยว่าหนุนโหวต ‘ชวน’ เป็นปธ.สภาฯ สัญญาณที่ชัดเช่นนี้ จึงทำให้ฝั่งพรรคพลังประชารัฐมีความระส่ำขึ้นไปอีก ด้วยความหวาดระแวงที่มีอยู่ทุนเดิม เพราะหวังจะเสนอชื่อ ‘สุชาติ ตันเจริญ’ ขึ้นชิง ปธ.สภาฯ จึงได้เสนอให้เลื่อนประชุมสภาออกไป ซึ่งแต่ละพรรคก็ ‘มาเหนือ’ ในงานนี้ ที่ได้ในส่วนที่ตัวเองต้องได้และยอมสละในส่วนที่เสียแล้วเดินต่อไปได้

แต่สุดท้ายผลสรุปออกมา 248 : 246 มีให้การประชุมดำเนินต่อไป ทำให้ ‘ชวน’ ม้วนเดียวจบได้เป็น ปธ.สภาฯ ที่เอาชนะ ‘สมพงษ์ อมรวิวัฒน์’ จากพรรคเพื่อไทยไป 259 : 235 เสียง งดออกเสียง 1 แต่คะแนนดังกล่าวทำให้เห็นว่ามี ‘งูเห่า’ เกิดขึ้นแล้ว จากฝั่งขั้วต้าน คสช. ที่กำลังเร่งหากันอยู่มาจากพรรคใดบ้างและกี่คน ว่ากันว่างานนี้เช็กกันไม่ยาก ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็ไม่ได้เสนอชื่อแข่ง โดยชื่อ ‘ชวน’ ก็ถูกเสนอโดย‪‘ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ’ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พปชร.ลำดับที่ 1‬
.
หาก พปชร. ยังดึงดันเสนอชื่อ ‘สุชาติ’ เป็น ปธ.สภาฯ ย่อมเสียงแตกในสภา ทำให้ขั้วต้าน คสช. 7 พรรค ส้มหล่นได้ตำแหน่งนี้ทันที อีกทั้ง ‘สถานการณ์บีบ’ ให้ทั้ง พปชร.-ปชป. ต้องตัดสินใจบนทางเลือกนี้ จึงเสนอชื่อ ‘ชวน’ ขึ้นชิง โดย พปชร. ไม่เสนอแข่ง เพื่อ ‘ฝ่าทางตัน’ ทั้งหมดนี้
.
แต่สิ่งที่พรรคหลังประชารัฐได้ ‘วัดพลัง-เช็กกำลัง’ แล้วก็คือเสียงที่จะสนับสุนนพรรคในอนาคต ในการโหวตนายกฯ ผ่านการโหวตเลื่อน-ไม่เลื่อนการประชุม ที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย โหวตเห็นพ้องตามพรรคพลังประชารัฐที่เสนอให้เลื่อน แต่ผลสรุปคะแนนแพ้ไปเพียง 2 คะแนน ทำให้การประชุมต้องดำเนินต่อไป การที่ ‘ชวน’ ได้ขึ้นเป็น ปธ.สภาฯ ก็สะท้อนภาพว่า ปชป. เข้าร่วมรัฐบาลแน่นอน แต่ ‘ชวน’ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ย้ำว่า การที่ตนรับการเสนอชื่อเพราะไม่มีเงื่อนไขหรือไปต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมโยนเรื่องการตั้งรัฐบาลให้ ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์’ หน.ประชาธิปัตย์ เป็นผู้ชี้แจง

ส่วน ‘เสี่ยหนู’ ก็ตอบรับ ‘พลังประชารัฐ’ เรียบร้อยแล้ว ทำให้มีการมองว่าชื่อรองประธานสภาคนที่ 1 จะเป็น ‘สุชาติ ตันเจริญ’ และ รองปธ.สภาฯคนที่ 2 คือ ‘ศุภชัย โพธิ์สุ’ จากพรรคภูมิใจไทยนั่นเอง
.
แม้ พปชร. จะเสียเก้าอี้ ปธ.สภาฯ ไป แต่ก็เป็น ‘บทพิสูจน์’ แล้วว่า งานนี้ ‘ลุงตู่’ กลับมาแน่นอน โดย ส.ว. 250 คน ก็จะโหวตเลือกนายกฯตาม ส.ส.เสียงข้างมาก จึงเป็นอีกเหตุผลที่ พปชร. ต้องรวมเสียงให้เกิน 251 เสียง เพื่อให้ ส.ว. ได้ทำหน้าที่อย่างมีศักดิ์ศรี การขึ้นมาของ พล.อ.ประยุทธ์ มีความชอบธรรมมากขึ้น รวมทั้งได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ประคองการทำงานต่อไปได้
.
แต่ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐที่เป็น ‘พรรคระดมพล’ จากปรากฏการณ์ ‘พลังดูด’ ทำให้มีหลายก๊กในพรรค ทำให้มีทั้งเสียงที่หนุนและไม่หนุนการเสนอชื่อ ‘ชวน’ ขึ้นชิง ปธ.สภาฯ แม้เป้าหมายของพรรคคือดัน ‘บิ๊กตู่’ เป็น นายกฯ อีกครั้ง
.
แต่ระหว่างทางก็เป็นเรื่องตำแหน่งและบทบาทหลังเลือกตั้ง นั่นคือช่วงการฟอร์มทีมตั้งรัฐบาล ที่แกนนำแต่ละก๊กต้องมีที่นั่งและลูกทีมมีบทบาท ซึ่งคนภายใน พปชร. จะต้องมา ‘เคลียร์กันเอง’ ให้จบ และเข้าสู่การประสานงานกับพรรคร่วมอย่างเป็นทางการ หลังการเลือก ปธ.สภาฯ เสร็จสิ้น และ ‘เสี่ยหนู’ ตอบรับ พปชร. ก็คือการ ‘ปิดดีลทางการเมือง’ เรียบร้อยแล้ว

การขึ้นเป็น ปธ.สภาฯ ของนายชวน ก็เป็นการกอบกู้ศักดิ์ศรีให้กับพรรคประชาธิปัตย์ในการทำหน้าที่ในสภาฯ หลังพรรคตกไปลำดับที่ 4 มีจำนวนส.ส.ที่เกือบเท่าลำดับที่ 5 อย่างพรรคภูมิใจไทย กลายเป็นพรรคต่ำร้อยไป อีกทั้งสามารถมีเหตุผลรองรับในการไปร่วมรัฐบาลกับ พปชร. ได้มากขึ้น หลัง ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ อดีตหน.พรรค เคยประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็น นายกฯ เพราะมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ

ถือเป็นภาพสะท้อน ‘สภาปริ่มน้ำ’ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเผชิญในอนาคต แค่เพียงการเปิดสภาฯนัดแรกเท่านั้น หนทางจากนี้จึงไม่ง่ายดาย แม้นายชวนก็ได้กล่าวถึงความปั่นป่วนและการประท้วงที่เกิดขึ้นว่า ‘ไม่หนักใจ’ และ ‘ไม่เป็นปัญหา’ ก็ตาม